วีซ่าฟรีไทย-จีนหนุนคนไทยเที่ยวจีนเพิ่ม 3 เท่า “ไทยแอร์เอเชีย” เปิดบินปักกิ่งเส้นทางที่ 12 รับดีมานด์

ไทยแอร์เอเชีย

“ไทยแอร์เอเชีย” เผยมาตรการวีซ่าฟรีไทย-จีน หนุนอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเส้นทางบินสู่จีนเดือน มี.ค.โตพุ่ง 98% คนไทยเดินทางเพิ่ม 3 เท่าตัว ประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่เส้นทางที่ 12 บินตรง “ดอนเมือง-ปักกิ่ง” 1 ก.ค.นี้ เผยปีนี้เตรียมรับเครื่องเพิ่มอีก 4 ลำ พร้อมเปิดเส้นทางบินทั้งในประเทศ-ระหว่างประเทศตามดีมานด์ คาดปีนี้ขนส่งผู้โดยสารรวม 20-21 ล้านคน รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

วันที่ 26 มีนาคม 2567 นางสาวธันย์สิตา อัครฤทธิภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า นับตั้งเเต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดเส้นทางการบินสู่จีนของไทยแอร์เอเชียเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 3 เดือนเเรก

(1 มกราคม-25 กุมภาพันธ์ 2567) อยู่ที่ 94% และพบว่าในเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่มีนโยบายวีซ่าฟรีระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางการบินสู่จีนของไทยแอร์เอเชียมีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยถึง 98%

โดยมีจำนวนคนไทยเดินทางไปจีนโดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากจำนวนประมาณ 6,000 คนในเดือนมกราคม (ยังไม่มีนโยบายวีซ่าฟรี) เพิ่มเป็นจำนวน 18,000 คนในเดือนมีนาคม (ถึงวันที่ 25 มีนาคม) หรือเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากเดือนมกราคม

ขณะที่จำนวนคนจีนเที่ยวไทย (โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย) มีจำนวน 68,000 คนในเดือนมกราคม และเพิ่มเป็น 90,000 คนในเดือนกุมภาพันธ์ (ตรุษจีน) และจำนวน 65,000 คนในเดือนมีนาคม (ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567)

นางสาวธันย์สิตากล่าวว่า จากแนวโน้มของกระเเสการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศเพิ่มต่อเนื่อง ไทยแอร์เอเชียจึงเปิดเส้นทางบินสู่จีนใหม่อีก 1 เส้นทางคือ เส้นทางดอนเมือง-ปักกิ่ง ซึ่งจะเป็นเส้นทางบินระหว่างไทย-จีน ให้บริการแบบบินตรงทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน

โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนตามนโยบายวีซ่าฟรีระหว่าง 2 ประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวไทยที่จะได้สัมผัสความมหัศจรรย์เเละความยิ่งใหญ่ของเมืองปักกิ่ง จากการบินตรงกับสายการบินสัญชาติไทย และเป็นสายการบินเดียวที่บินตรงจากสนามบินดอนเมือง

“ตอนนี้ไทยแอร์เอเชียมีเส้นทางบินจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่จีน รวม 11 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางบินสู่กว่างโจว เสิ่นเจิ้น เฉิงตู ฉางชา ฉงชิ่ง คุนหมิง หางโจว ซัวเถา อู่ฮั่น ซีอาน และเซี่ยงไฮ้ เส้นทางบินสู่ปักกิ่งเป็นเส้นทางลำดับที่ 12 ซึ่งถือว่าไทยแอร์เอเชียเป็นสายการบินที่มีเส้นทางเชื่อมไทยเเละจีนมากที่สุด ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 18% ในปี 2566” นางสาวธันย์สิตากล่าวและว่า

ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียให้บริการเส้นทางการบินสู่จีนรวม 101 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ยังต่ำกว่าในช่วงก่อนวิกฤตโควิดที่มีจำนวนเที่ยวบินรวม 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์และดีมานด์การเดินทางอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการพิจารณาเพิ่มความถี่การบินสำหรับเส้นทางที่มีดีมานด์สูงในช่วงซัมเมอร์นี้

ทั้งนี้ คาดว่าตลอดปี 2567 นี้สายการบินไทยแอร์เอเชียจะขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางจีน (เฉพาะจีนเข้าไทย) ประมาณ 1.3 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 27% จากปี 2566 หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 8 ล้านคน

นางสาวธันย์สิตายังกล่าวถึงจำนวนเส้นทางบินในปัจจุบันด้วยว่า ณ สิ้นเดือนเมษายน 2567 นี้ ไทยแอร์เอเชียมีเส้นทางบินภายในประเทศจำนวน 31 เส้นทาง รวม 754 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเส้นทางระหว่างประเทศจำนวน 51 เส้นทางบิน รวม 480 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยในช่วงซัมเมอร์นี้จะมีจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% ทำให้คาดว่ารายได้รวมของปี 2567 เติบโตเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 20% และขนส่งผู้โดยสารรวมประมาณ 20-21 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มเส้นทางบินใหม่ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยจะพิจารณาจากดีมานด์ของแต่ละตลาดเป็นหลัก ทั้งอาเซียน อินเดีย เอเชียใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวมถึงจีน

“ในปีที่ผ่านมาไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งการตลาดเส้นทางภายในประเทศ 39% สูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 95% และแนวโน้มยังดีต่อเนื่อง เช่นเดียวกับจีน อินเดีย และอาเซียน ที่เราครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศเฉลี่ยที่ 85%” นางสาวธันย์สิตากล่าวและว่า

ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวม 56 ลำ (รอซ่อม 5 ลำ) ปีนี้มีแผนรับเครื่องเพิ่มอีก 4 ลำ ทำให้สิ้นปีมีเครื่องบินที่ใช้บินรวม 55 ลำ (จาก 60 ลำ) เส้นทางบินระหว่างประเทศมีจำนวนที่นั่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% มีสัดส่วนรายได้ราว 60% ส่วนตลาดภายในประเทศมีจำนวนที่นั่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% มีสัดส่วนรายได้ที่ราว 40%