กรมชลประทาน เดินหน้าลุยศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดันสร้างอ่างขนาดกลาง 2 แห่งในอ.แม่จัน ตั้งเป้าแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง เพิ่มน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่10 ตำบล ใน 3 อำเภอ คือ อ.แม่จัน อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน รวมพื้นที่กว่า 103,000 ไร่
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในด้านการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำตลอดจนบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชน นอกจากการดำเนินงานตามภารกิจต่างๆของกรมชลประทาน ยังมีการศึกษาและติดตามการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน สร้างความสมดุลและยั่งยืนให้แก่ราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว โดยผ่านการจัดการอย่างมีระบบ และรับผิดชอบในทุกขั้นตอน
ในส่วนของการศึกษาอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง คืออ่างเก็บน้ำแม่คำ และอ่างเก็บน้ำแม่แสลบ ซึ่งมีความจุรวม 72.14 ล้าน ลบ.ม. ในพื้นที่ จ.เชียงราย นั้น เกิดจากประชาชนในอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีหนังสือถึงหัวหน้าโครงการชลประทานเชียงราย ว่าในเขตอำเภอแม่จัน ในช่วงฤดูแล้งจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตรและอุปโภค บริโภค ส่วนในฤดูฝนประสบปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัย จึงขอให้กรมชลประทาน ทำการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่คำ เพื่อแก้ไขปัญหา
กรมชลประทานได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่โครงการ โดยทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม แล้วพบว่า ลุ่มน้ำแม่จัน (แม่คำ) เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำโขงภาคเหนือ
โดยมีลำน้ำหลักที่สำคัญอย่างน้ำแม่คำและน้ำแม่จัน ซึ่งพื้นที่ตอนบนเป็นภูเขามีความลาดชันมาก ตอนล่างเป็นพื้นที่ราบเชิงเขาและที่ราบริมฝั่งน้ำ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะปลูกและเป็นชุมชน โดยน้ำแม่คำจะไหลมาบรรจบกับแม่จัน ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงและพื้นที่ในลุ่มน้ำแม่คำมีขนาดกว้างใหญ่ ดังนั้นการพัฒนาลุ่มน้ำแม่คำจะมีศักยภาพสูงในการเก็บกักน้ำและบรรเทาปัญหาอุทกภัย
ด้านนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง นับเป็นความต้องการของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตรและอุปโภคบริโภค ขณะที่ในลำน้ำมีน้ำไหลอยู่ตลอด แต่ไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่คอยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเพาะปลูกได้เต็มที่ ชาวบ้านจึงต้องการให้มีการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำขึ้น ซึ่งถ้าหากว่า อ่างเก็บน้ำฯ มีการก่อสร้างขึ้น เมื่อแล้วเสร็จ อ่างเก็บน้ำแม่คำและอ่างเก็บน้ำแม่แสลบ จะสามารถช่วยให้ประชาชนในพื้นที่10 ตำบล ใน 3 อำเภอ คือ อ.แม่จัน อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน รวมพื้นที่กว่า 103,000 ไร่
อีกทั้งจะมีแหล่งน้ำต้นทุนที่เพียงพอสำหรับทำการเกษตร และช่วยเพิ่มเขตพื้นที่ชลประทานได้มากขึ้นจากเดิม ส่งผลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีน้ำใช้อย่างยั่งยืน ทางทีมข่าวก็ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า กรมชลประทานจะเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำให้ประชาชนในทุกที่ที่ประชาชนเดือดร้อนจากการขาดน้ำ และไม่ต้องกังวล ในเรื่องการชดเชย โดยประชาชนในพื้นที่โครงการที่ได้รับผลกระทบ ที่มีเอกสารสิทธิ์ หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์ กรมชลประทาน จะชดเชยให้อย่างเหมาะสมแน่นอน
ในส่วนของการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำแม่คำ ที่ผ่านมาได้มีการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กกระจายอยู่โดยทั่วไป แต่ยังคงมีปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งอยู่เสมอ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาต่างๆดังกล่าว กรมชลประทาน โดยสำนักบริหารโครงการได้พิจารณาและดำเนินการศึกษา “รายงานการศึกษาแนวทางพัฒนาลุ่มน้ำ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำแม่จัน (แม่คำ)” เพื่อวางแผนพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในการบรรเทาและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและเพื่อให้มีการพัฒนาวางแผนลุ่มน้ำในภาพรวม
โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำนั้นเป็นหนึ่งในโครงการที่มีศักยภาพในลุ่มน้ำแม่คำ โดยผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นได้ชี้ว่าโครงการมีความเหมาะสม แต่เนื่องจากโครงการมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ทางกรมชลประทานจึงได้ให้บริษัทที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทั้ง 2 อ่างเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างต่อไป
สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกในพื้นที่ราบลุ่ม ในลุ่มน้ำแม่คำ และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้สำหรับการอุปโภค บริโภคของประชาชน และเพื่อบรรเทาความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย เป็นแหแพร่และเพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดให้ประชาชนได้บริโภคและมีรายได้เสริม อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนให้กับประชาชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โครงการให้ดีขึ้นด้วย