SUN รุกตลาดในประเทศลดเสี่ยงบาทแข็งส่งออกเดี้ยง

ผลิตภัณฑ์ใหม่ - บมจ.ซันสวีท ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้แบรนด์ KC ลดความเสี่ยงค่าเงินบาทหันมาทำตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น

“ซันสวีท” ออกโปรดักต์ใหม่โค้งท้ายปี “ถั่วลายเสือต้ม” พืชเศรษฐกิจของจังหวัดแม่ฮ่องสอน แปรรูปพร้อมรับประทาน ส่งขายร้านสะดวกซื้อทั่วไทย ออร์เดอร์ทะลุกว่า 3,000 ชิ้นต่อวัน พร้อมมุ่งขยายตลาดในประเทศ 20% ลดความเสี่ยงค่าเงินจากการส่งออก หนุนรายได้ปีེ โตไม่น้อยกว่า 10%

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้แบรนด์ KC เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 นี้ บริษัทได้เพิ่มสินค้าใหม่ในกลุ่มพร้อมรับประทาน (ready to eat) คือ “ถั่วลายเสือต้ม” ที่น่าจะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจอาหารสุขภาพในยุคปัจจุบัน โดยมุ่งเจาะตลาดในประเทศเป็นหลัก ผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อในกรุงเทพฯและปริมณฑล มียอดคำสั่งซื้อราว 3,000 ชิ้นต่อวัน และเตรียมขยายตลาดไปทั่วไทย นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ข้าวโพดพร้อมรับประทาน คือ “ข้าวโพดข้าวเหนียว” รวมถึงมันหวานญี่ปุ่นวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ

สำหรับ “ถั่วลายเสือ” ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจุดเด่น คือ รสชาติอร่อยและเมล็ดใหญ่ ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขา ทำให้เจริญเติบโตได้ดี โดยบริษัทรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง ปีนี้มุ่งเจาะตลาดในประเทศมากขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% พยายามสร้างกำไรจากการขยายช่องทางในกลุ่มรีเทลและร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงิน

ส่วนตลาดต่างประเทศได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกันได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ไปยังกลุ่มประเทศยุโรปและตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันได้เริ่มปรับราคาขายกับกลุ่มลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาช่วงต้นไตรมาส 3/2562 คาดว่ารายได้รวมจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2561 ที่มีรายได้รวมประมาณ 1,800 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทยังคงสัดส่วนการผลิตใกล้เคียงกับช่วงต้นปี โดยครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการเพาะปลูกข้าวโพดหวาน แม้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และศัตรูพืชบางส่วน ทำให้ผลผลิตลดลง แต่ได้เพิ่มมาตรการแก้ไขทำให้สามารถควบคุมผลผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่ายอดการผลิตทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 10% หรือประมาณ 150,000 ตัน โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแช่แข็ง 25% ข้าวโพดหวานแบบกระป๋อง 60% และข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศ 15%

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้รวม 514.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4 ล้านบาท คิดเป็น 6.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตลาดและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในประเทศ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท ลดลง 27.9 ล้านบาท คิดเป็น 96.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากปริมาณการผลิตที่ลดลงจากภาวะภัยแล้งและแมลงระบาด รวมถึงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนด้านผลประกอบการ 9 เดือนมีรายได้ 1,405.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลขาดทุนสุทธิ 32.7 ล้านบาท หรือลดลง 159.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายองอาจกล่าวต่อไปว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ทำให้บริษัทต้องประคองตัวและเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยไม่มีการปรับลดแรงงาน เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้ามีการทำสัญญาไว้ล่วงหน้า จึงต้องผลิตให้ได้ตามเป้าหมาย สำหรับแนวทางการบริหารงานภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคือ การเร่งผลิตสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค เพราะเชื่อว่าอาหารยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะอาหารสุขภาพที่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่า การมุ่งขยายฐานตลาดในประเทศเป็น 20% จะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโตขึ้น