เชียงรายดันแหล่งน้ำพุร้อนเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยว 5 เส้นทาง พร้อมจับมือ ม.ราชภัฏเชียงราย ตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า เล็งดูงานต่างพื้นที่ มุ่งเป็นล้านนาออนเซ็น ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มุ่งสู่เชียงราย
นางปราณปริยา พลเยี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงราย มีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ที่เป็นน้ำพุร้อนจำนวนมาก มีแหล่งน้ำพุร้อนที่ลงทะเบียนแล้วจำนวน 10 แห่ง เช่น น้ำพุร้อนแม่ขะจาน บ้านโป่งป่าตอง ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า มีความร้อนอยู่ระหว่าง 50-100 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนทุ่งเทวี ตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า มีความร้อน 45-75 องศาเซลเซียส บ่อน้ำร้อนโป่งปูเฟือง ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย มีความร้อน 70 องศาเซลเซียส บ้านพุร้อนบ้านโป่งพระบาท ต.บ้านดู่ อ.เมือง เป็นต้น
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- เปิดประวัติ 6 รัฐมนตรีใหม่ เศรษฐา 1/1 พิชัย-พิชิต-เผ่าภูมิ-จิราพร-อรรถกร-สุชาติ
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
โดยในปี 2560 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำพุต่าง ๆ จัดกิจกรรม “ล้านนา เวลเนส” เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวสู่แหล่งน้ำพุดังกล่าว แบ่งเป็น 5 เส้นทาง แต่ละเส้นจะเชื่อมโยงน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้กันกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ นอกจากนี้ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร.) ศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการเชิงสุขภาพจากแหล่งน้ำพุน้ำแร่ต่าง ๆ เพื่อนำทรัพยากรดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการท่องเที่ยว สุขภาพและการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ อย่างยั่งยืนด้วย
ด้านนายกิตติ ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มีนักท่องเที่ยวปีละประมาณ 2.7 ล้านคน เงินสะพัดจากการท่องเที่ยวเกือบ 30,000 ล้านบาท ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวที่ไปเยือนมักจะนิยมการสัมผัสกับแหล่งน้ำพุร้อนใน จ.เชียงราย ซึ่งถือว่ามีมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ทำให้ที่ผ่านมาภาครัฐทุ่มงบประมาณไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำพุต่าง ๆ แล้วกว่า 300-400 ล้านบาท แต่พบว่าเป็นการพัฒนาทางกายภาพ โดยไม่ได้เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวหรือพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าแต่อย่างใด เช่น นำมาต้มไข่ ต้มหน่อไม้ และเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะจุดเท่านั้น
“การที่ภาครัฐสนับสนุนใหม่ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดี ภาคเอกชนเองได้ระดมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาครัฐ และ มร.ชร.ทำการศึกษาวิจัย ศึกษาดูงานในแหล่งที่มีน้ำพุร้อนทั้งใน เช่น จ.ระนอง และต่างประเทศ เช่น ออนเซ็นที่ญี่ปุ่น เพื่อนำมาพัฒนาพื้นที่เชียงราย ล่าสุดหลายแหล่งสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำดื่มจากน้ำแร่ ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว แชมพู ประกอบการประคบในสปาต่าง ๆ ได้แล้ว เป้าหมายตลาด คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มุ่งสู่เชียงรายมากขึ้น”
ดร.พีรญา ชื่นวงศ์ รอง ผอ.สำนักส่งเสริมวิชาการ มร.ชร.กล่าวว่า จากการวิจัยพบว่าแหล่งน้ำแร่ใน จ.เชียงราย สามารถนำมาบริโภคได้โดยตรง จึงถือว่าเป็นน้ำแร่ที่มีคุณภาพและมาจากธรรมชาติที่ไหลออกมาไม่รู้จักหมด ที่ผ่านมาได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ทราบข่าวโดยเดินทางไปเยือนเพื่อแช่น้ำแร่เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวภายนอกให้ความสนใจน้ำแร่ที่เชียงรายมาก ล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษาเรื่องการจะนำโคลนน้ำแร่แหล่งน้ำพุร้อน ต.ดอยฮาง อ.เมือง มาใช้ประโยชน์ และศึกษาวิจัยด้านโลจิสติกส์ในการนำน้ำแร่ไปใช้ในสถานประกอบการ เช่น สปา โรงแรม เชื่อว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในอนาคต
ด้าน น.ส.ภวรัญชน์ คงเดช เจ้าของธุรกิจ The Spa @ Dudsit โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมผลิตภัณฑ์และการใช้บริการเกี่ยวกับน้ำพุน้ำแร่เพื่อสุขภาพ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีสถานประกอบการใดในเชียงรายที่จะมีบริการแช่น้ำแร่ หรือออนเซ็นได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการจะมีการศึกษาวิจัยด้านโลจิสติกส์เพื่อนำน้ำแร่มาใช้ประโยชน์จึงจะขยายการท่องเที่ยวในอนาคตได้อย่างแน่นอน