“ภักดีฟาร์ม” จุดเช็กอินพิษณุโลก ปักธงเลี้ยงกวางสู้เศรษฐกิจฝ่าพิษโควิด

“กวาง” ถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำมาเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างครบวงจร ทั้งนำมาบริโภคเนื้อ ทำเป็นเครื่องหนัง เครื่องประดับ นำมาเป็นยารักษาโรค-บำรุงร่างกาย เรียกได้ว่าแทบทุกส่วนของสัตว์ชนิดนี้ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด รวมไปถึงการเลี้ยงแบบฟาร์มในเชิงธุรกิจการท่องเที่ยวก็เป็นจุดเด่นดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

“ภักดี พานุรัตน์” เจ้าของ “ภักดีฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงกวางจากจังหวัดพิษณุโลก บอกว่า ภักดีฟาร์มเริ่มบุกเบิกการเลี้ยงกวางมาแต่ปี พ.ศ. 2546 เนื่องจากมองว่ากวางเป็นสัตว์เศรษฐกิจ สามารถเลี้ยงให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยกวางที่เลี้ยงมาจนถึงปัจจุบันมี 4 ชนิด คือ กวางซิก้า (Sika deer) กวางเรนเดียร์ (reindeer) กวางฟอลโลว์ (Fallow deer) ซึ่งเป็นสายพันธุ์สันทนาการโชว์นักท่องเที่ยวประมาณ 40 ตัว และกวางสายพันธุ์รูซ่า (Rusa deer) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เนื้อ นับรวมกันทุกสายพันธุ์อยู่ในฟาร์มกว่า 700 ตัว

“การเลี้ยงกวางเรียกได้ว่าสร้างรายได้หลายทาง เริ่มจากเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ลูกกวางก็สร้างมูลค่าได้แล้ว ถัดมาเป็นเนื้อกวางสด ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากพอสมควร เพราะเนื้อกวางเนื้อไขมันต่ำ ขณะที่ส่วนของหนังกวางกับเขากวางยังนำมาแปรรูปเป็นเครื่องหนังได้หลายรูปแบบ อาทิ กระเป๋า เสื้อ รองเท้า ฯลฯ รวมไปถึงการนำมาทำเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ ก็ขายได้ราคาสูง นอกจากนี้ยังมีส่วนของเขากวางอ่อน ซึ่งถือว่ามีราคาแรพงที่สุดหรือสร้างรายได้ดีที่สุด เพราะสามารถตัดขายได้ทุกปี และเขากวางอ่อนจะงอกขึ้นมาใหม่ ราคาขายสูงสุดอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 6,000 บาท เมื่อนำไปแปรรูปด้วยการบดเป็นแคปซูล ราคาสินค้าจะเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นนับหมื่นบาท โดยเขากวางอ่อนมีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น ปรับสมดุลในร่างกายให้สดชื่นมีสารคอลลาเจนทำให้แข็งแรง กระฉับกระเฉง”

“ภักดี” บอกว่า กวางสายพันธุ์รูซ่าจะเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ขาย หรือขายเนื้อสด และไว้ตัดเขากวางอ่อนขาย สายพันธุ์กวางดาวจะเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม มีไว้เพื่ออวดโฉมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมฟาร์ม

โดยภาพรวมภักดีฟาร์มเป็นฟาร์มกวางเนื้อ กวางที่จะนำไปเป็นอาหารจะถูกส่งไปชำแหละที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จ.นครปฐมทั้งหมด เพื่อให้ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย ก่อนแพ็กเป็นชิ้นเนื้อกลับมาขายใน จ.พิษณุโลก อย่างสเต๊กเนื้อกวางร้าน DEAR ต.แก่งโสภา อ.วังทอง ริมถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก เป็นต้น และเมื่อประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ ก็เริ่มต่อยอดไปสู่ธุรกิจ รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนเป็นฟาร์มเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดอีกหนึ่งแห่ง

“ภักดี” ยอมรับว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีช่วงวิกฤตโควิดที่สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก เป็นสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสที่สุด เพราะต้องปิดฟาร์ม ปิดร้านอาหาร ปิดกิจการทุกอย่าง แต่ก็ไม่ยอมถอย ปักหลักตัวเองคงสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินต่อ กระทั่งนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเที่ยวฟาร์มในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครองพาเด็กมาเที่ยวชม มาสัมผัสกับบรรยากาศและใกล้ชิดกับกวางตัวจริง และยังมีจุดชมวิวเป็นสะพานกวาง ทอดลงไปกลางทุ่งให้ชมกวางในท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย

“เราเป็นแหล่งท่องเที่ยวกว่า 10 ปี ฟันฝ่ามรสุมโควิดไม่ยอมถอย จนนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง ในการทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงกวางอาจจะดูเหมือนเบียดเบียนสัตว์ป่า แต่หากเลี้ยงอย่างถูกต้อง ถูกวิธี ก็จะให้คุณค่า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม”