เอ็มจีขยายแชร์รถใช้มอเตอร์ ลั่นปี’64 ทะลุ 5 พัน-จี้รัฐเร่งสร้างดีมานด์

“เอ็มจี” เล็งปี 2564 ปั้นยอดรถยนต์ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทะลุครึ่งหมื่น ลั่นลูกค้ามองความคุ้มค่าเป็นหลัก แนะรัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดโอกาส ให้ค่ายรถอื่น ๆ นำเข้ารถอีวีเพื่อสร้างดีมานด์ ดันให้เกิดการใช้งานแพร่หลาย

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจีเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยหลังจากบริษัทได้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ภายใต้กรอบข้อตกลงอาเซียน-จีน ซึ่งทำให้สามารถทำราคาขายได้ต่ำ ส่งผลให้ลูกค้าชาวไทยได้มีโอกาสจับต้องและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร และเพื่อให้ตลาดรถยนต์อีวีมีการใช้งานและยอมรับมากขึ้น รัฐบาลควรมีการพิจารณาเพื่อผ่อนคลายมาตรการ และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ค่ายไหนก็ได้ สามารถนำเข้ารถยนต์อีวีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น หรือมีการสนับสนุนทางด้านเงื่อนไข ข้อกำหนดเพื่อเป็นการช่วยสร้างตลาดและกระตุ้นความต้องการซื้อให้เกิดขึ้นสำหรับประเทศไทย

“จริง ๆ แล้วเราอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างเพื่อให้ตลาดรถอีวีเกิดขึ้นในไทยอย่างรวดเร็วและเเข็งแรง ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการให้รถประเภทนี้เกิดขึ้นจริง ก็น่าจะเพิ่มช่องทาง หรือช่วยทำให้เกิดซัพพลายเพื่อไดรฟ์ดีมานด์” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

นายพงษ์ศักดิ์ยังกล่าวว่า ปี 2564 บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายรถยนต์ในกลุ่มแบตเตอรี่หรือรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 5,000 คัน โดยในปี 2564 เอ็มจีคาดว่าจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากเดิมมียอดราว 1,200 คันในปีนี้ ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 คัน สำหรับเอ็มจี แซดเอส อีวี ส่วนเอ็มจี อีพีนั้น ขณะนี้มียอดจองไปแล้วกว่า 200 คัน ซึ่งปีหน้าน่าจะมียอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด อย่างเอ็มจี เอชเอส พีเอสอีวีนั้น เพิ่งเปิดตัวในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดอยู่ราวเดือนละ 400 คัน หรือคิดเป็น 800 คันในปีนี้

“จริง ๆ แล้วเรามองว่าคนที่มีกำลังซื้อควรจะต้องเสียสละ หันมาใช้รถยนต์อีวีให้มากขึ้น และน่าจะเล็งเห็นถึงประโยชน์ของรถประเภทนี้ อย่างเอ็มจีเราก็พยายามทำตลาดรถอีวีให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ทั้งโปรดักต์และราคา เพื่อหวังให้คนเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น”

แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามสนับสนุนหรือกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน แต่ทุกอย่างยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน หลายอย่างยังคงก้ำกึ่ง และทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน ผมเชื่อว่าอย่างน้อย ๆ หากเราใช้รถอีวีเพิ่มขึ้น ปัญหาเรื่อง PM 2.5 ก็จะเบาบางลง โดยเริ่มจากภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นและนำร่องก่อน เหมือนอย่างในจีนที่ก่อนหน้าเกิดปัญหามลพิษติดอันดับโลก และเขาเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถอีวี ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งไทยเองก็น่าจะศึกษาตรงนี้และน่าจะช่วยทำให้ปัญหาฝุ่นบรรเทาลงได้”

ด้านแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทยังคงยืนยันนโยบายเดิม คือ จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และไมเนอร์เชนจ์รวมกันอย่างน้อยปีละ 2 รุ่นต่อเนื่อง และหากมีความเป็นไปได้

บริษัทก็จะพยายามมองหารถยนต์รถไฟฟ้าเข้ามาเสริมตลาดเพื่อตอบสนองให้กับลูกค้าคนไทยได้เลือกใช้ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่บริษัทตั้งเป้าว่า เอ็มจีต้องเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จจากการแนะนำรถยนต์เอสยูวี อย่างเอ็มจี แซดเอส อีวี และรถสเตชั่นแวกอน เอ็มจี อีพี ออกสู่ตลาด

ขณะที่ยอดขายเอ็มจีของปี 2564 จะอยู่ไม่น้อยกว่า 50,000 คัน ส่วนยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 840,000 คัน จากปี 2563 คาดว่าจะมียอดขายที่ 28,000 คัน จากตลาดรวมที่มียอดขายที่ 750,000 คัน