ความสุขของเศรษฐา ถึงจุดสูงสุดแล้ว

คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : สมถวิล ลีลาสุวัฒน์

เป็นการถอยเพื่อก้าวอีกครั้งของก้าวไกล

เมื่อ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล

เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าพรรคนั่งผู้นำฝ่ายค้านในสภา ด้วยเหตุผลจากศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.

พิธาจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาได้ และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” ได้ตามกฎกติกา

ซึ่งบทบาท “ผู้นำฝ่ายค้าน” สำคัญยิ่งต่อระบบรัฐสภา เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ในการกำหนดทิศทาง สร้างทีมตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล พร้อมผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงบางเรื่องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

Advertisment

จากสูงสุดสู่สามัญของอดีตหัวหน้าพรรคที่เคยได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดทั่วประเทศเป็นอันดับ 1

จากที่เคยมีประชาชนรายล้อม กลับกลายสู่การเป็นคนโดดเดี่ยว นับจากนี้จะเป็นบทพิสูจน์หัวใจสิงห์ ทั้งคนและพรรค

เพราะเข้าสู่โหมดแห่งความเป็นจริง แม้จะเจ็บปวด ร้าวราน เหมือนเด็กโดนรังแก

แต่ต้องเดินหน้า บริหารประเทศภายใต้ซีกของฝ่ายค้าน

Advertisment

เชื่อว่าวิกฤตจะเป็นโอกาส ภายใต้การต่อสู้ด้วยปัญญาและวุฒิภาวะ

จากหนุ่มน้อยฝ่ายค้านมาถึงหนุ่มใหญ่ฝ่ายรัฐบาล

“เศรษฐา ทวีสิน” ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กำลังโหมงานหนักไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เดินสายตลอด นับตั้งแต่รับตำแหน่ง ทั้งล่องใต้ ขึ้นเหนือ เตรียมปิดเกมรายจังหวัดตามที่ตั้งใจไว้ คือที่เชียงราย-เชียงใหม่ ที่มั่นของพรรคเพื่อไทย

ก่อนจะบินไปต่างประเทศบุกตลาดเรื่องการลงทุนครั้งใหญ่ที่ท่านคาดหวังมานาน ตั้งแต่สมัยนั่งเป็นซีอีโอที่แสนสิริ

มาถึงวันนี้ฝันเป็นจริงแล้วสำหรับ ฯพณฯ ที่จะโรดโชว์ศักยภาพของประเทศไทยให้ทั่วโลกรับรู้

“เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญที่สุด ซึ่งผมเดินทางไป UNGA ที่สหรัฐ วันที่ 18-22 กันยายนนี้ จะไปพบกับนักลงทุนที่กำลังสนใจประเทศไทย มีหลายบริษัทใหญ่ ๆ อยากลงทุน เพราะถ้ามีการลงทุนก็จะมีการยกระดับของอุตสาหกรรมไทย”

บุคคลที่ท่านนายกฯ เศรษฐาจะเข้าพบนั้น ไม่เบอร์หนึ่งก็เบอร์สองของบริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้งกูเกิล ไมโครซอฟท์ และเทสลา

ซึ่งมีเมกะโปรเจ็กต์ในไทยเป็นจุดขายและรออยู่

โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นแม็กเนต โดยมีเมืองการบินอู่ตะเภาเป็นจุดขนถ่ายขนส่งทางอากาศ

การเปิดน่านฟ้าในถิ่นทหารเรือแบบเบ็ดเสร็จและครบวงจร จะเป็นการสร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ให้กับประชาชนนอกเขตเมืองหลวง หรือประชาชนชายขอบตามที่ท่านนายกฯ คาดหวังไว้

รวมถึงการลงทุนสร้างสนามบินแห่งใหม่ชื่อใหม่ “ล้านนา” ที่จะเป็นขุมทรัพย์คู่แฝดกับท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในย่านสันกำแพง

ดูจะเป็นโปรเจ็กต์ไม่ไกลเกินฝัน ที่ท่านเศรษฐาอยากทำให้สำเร็จ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เปรี้ยงปร้างโครมคราม

รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ประตูการลงทุนบานใหญ่สู่ภาคใต้ โดยมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลคอยเชียร์ ที่สำคัญ ข่าวว่าลุงตู่ก็สนับสนุนโปรเจ็กต์นี้

เพราะเป็นการเปิดหน้าดิน สร้างอาณาจักรใหม่ของนักลงทุนไทยเบอร์ต้น ๆ และต่างชาติ ซึ่งจะมีสิทธิพิเศษต่างจากการลงทุนทั่วไป

ผลที่ได้ก็คือ การสร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ ให้คนชายขอบอีกเช่นกัน

ทั้งหมดคือแผนระยะยาวที่ท่านนายกฯ ปรารถนาจะปักหมุด ลงเข็ม ทำให้เห็นเป็นรูปธรรม

แม้จะเป็นพิมพ์เขียวเงาจาง ๆ แต่เชื่อว่า เมื่อการเมืองพลิก เกมเปลี่ยน อำนาจอยู่ในมือแล้ว อะไรก็คงไม่ยาก

แต่ที่จะยากหน่อยก็คงเป็นแผนระยะสั้นกับเงินแจกหมื่นบาทที่ต้องหาที่ลงให้ได้