Market-think สรกล อดุลยานนท์
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยาวนานครั้งนี้
ถ้าติดตามอย่างละเอียด ผมว่าเราได้ “บทเรียน” ดี ๆ ภายใต้วิกฤตครั้งนี้หลายเรื่อง
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยเฉพาะเรื่องการบริหารวิกฤต
เราเรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งเรื่อง “ควรทำ” และ “ไม่ควรทำ”
เราได้เรียนรู้ว่าเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องที่มีผลกระทบหลายด้าน
ต้องตัดสินใจแบบไหน
อย่างครั้งนี้ที่มีเรื่อง “สาธารณสุข” กับเรื่อง “เศรษฐกิจ”
เราควรบาลานซ์ระหว่าง 2 เรื่องนี้อย่างไร
การเทน้ำหนักไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากไป จะส่งผลสะเทือนกับอีกฝั่งหนึ่งจนยากที่จะฟื้น
เหมือนช่วงแรกที่เทน้ำหนักไปที่ “สาธารณสุข” เต็มที่
ภูมิใจกับตัวเลขการติดเชื้อเป็น 0
จน “เศรษฐกิจ” แทบพังทลาย
พอมาช่วงนี้เปลี่ยนมาให้น้ำหนักเรื่องเศรษฐกิจเยอะ จนสถิติคนติดเชื้อและผู้เสียชีวิตนิวไฮทุกวัน
คนที่เป็น “ผู้นำ” สูงสุด เหมือน “คอนดักเตอร์”
หูต้องดี
ต้องรู้ว่าช่วงไหนจะให้เครื่องดนตรีชิ้นไหนดัง
ช่วงไหนให้เครื่องดนตรีชิ้นไหนเบา
ผมว่าการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ช่วง 1 ปีครึ่งให้ “บทเรียน” เรื่อง “ผู้นำ” และ “การตัดสินใจ” กับเราเยอะทีเดียว
นำไปใช้ในการบริหารองค์กรได้ครับ
อะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ
แต่ที่ “ไม่ควรทำ” มาก ๆ คือ เรื่องการสื่อสาร
พล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวอย่างที่แย่มาก ๆ เรื่องการสื่อสารสาธารณะ
ชอบลืมไปว่าเป็น “ผู้นำประเทศ”
ทุกครั้งที่เขาพูด คือ การสื่อสารกับประชาชน
ไม่ใช่สื่อมวลชนที่อยู่ข้างหน้า
และกองเชียร์ที่อยู่ข้างหลัง
สังเกตไหมครับว่าช่วงหลัง พล.อ.ประยุทธ์ สื่อสารแบบ “จังหวะนรก” ตลอด
ประกาศว่าวันที่ 7 มิถุนายน เป็นวันแห่งการตีโต้ “โควิด-19”
การฉีดวัคซีนเป็น “วาระแห่งชาติ”
เป็นการสร้าง “ความหวัง” ให้กับคนไทย
แต่ผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าวัคซีนหมด
โรงพยาบาลและศูนย์ฉีดของ กทม. ต้องยกเลิกคิวคนจอง
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นวัคซีนหลักของประเทศ เลื่อนส่งแล้วเลื่อนส่งอีก
และส่งน้อยกว่าที่รัฐบาลโม้ไว้
ทุกอย่างไม่เป็นไปตามสัญญา
“ความหวัง” จึงกลายเป็น “ความไม่เชื่อมั่น”
หรือตอนที่ตัวเลขคนติดโควิดเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน
ต้องยอมรับว่าการกำหนดเป้าหมายเปิดประเทศเป็นเรื่องที่ดีมาก
เพราะแสดงให้เห็นถึงการเอาจริงของรัฐบาล
กล้าที่จะปักธง
แต่การเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่างหากที่มีปัญหา
ถ้าดูข้อมูลดี ๆ หาจังหวะที่ตัวเลขคนติดเชื้อลดลงหน่อย อยู่ในสภาพที่พอคุมได้
แล้วประกาศปักธง
คนจะมี “ความหวัง”
และสร้าง “ความเชื่อมั่น” ให้กับตัวผู้นำ
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พลาดเรื่องการฉีดวัคซีนไปแล้ว มาประกาศเรื่องเปิดประเทศตอนที่ตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ถามว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
อย่าลืมนะครับ คำว่า “วิสัยทัศน์” กับ “ขี้โม้” มันต่างกันที่ “ผลลัพธ์”
พูดถึง “ความฝัน” อันยาวไกลแล้วทำได้
เรียกว่า “วิสัยทัศน์”
แต่ถ้าฝันแล้ว ทำไม่ได้
ครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาเรียกว่า “ขี้โม้”
นอกจาก “จังหวะนรก” 2 เรื่องนี้แล้ว
การหัวเราะ เล่นมุก “เทคมีโฮม คันทรีโรด” ชู 2 นิ้ว บอกว่าวันนี้อารมณ์ดี เพราะเป็น “วันสุข” ฯลฯ ในวันที่แถลงข่าวเรื่องการปิดแคมป์คนงาน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19
จังหวะนี้ไม่ใช่จังหวะ “นรก” ธรรมดา
แต่ถึงขั้น “นรกแตก”
ประชาชนเดือดร้อนกันทั่ว แต่ “ผู้นำ” หัวเราะ
ตามมาด้วยการปิดร้านอาหารไม่ให้นั่งกินในร้าน ตอนตี 1
เห็นอารมณ์สังคมช่วงนี้แล้ว สังหรณ์ว่าจะเป็นการเริ่มต้นนับถอยหลังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
ผมรู้สึกว่าผู้คนไม่ได้แค่ “โกรธ” เหมือนเดิม
แต่ “แค้น”
เรื่องอารมณ์สังคมก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่น่าเรียนรู้ครับ
ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้
แต่อีกพักหนึ่งคงได้ “บทสรุป”
เพราะการเมืองไทยจากนี้ไป คงเริ่มนับถอยหลังแล้วครับ