เศรษฐา ชี้ บิ๊กต่อ–บิ๊กโจ๊ก ยังบริสุทธิ์ ช่วยงานทำเนียบฯ ไม่ได้เป็นการลงโทษ

นายเศรษฐา ทวีสิน

นายกรัฐมนตรี ชี้ การลงนามให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยงานสำนักนายกฯ ไม่ได้เป็นการลงโทษ แต่ให้กระบวนการเดินหน้าโดยไม่มีการแทรกแซง ชี้ ทั้ง 2 ยังบริสุทธิ์

วันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังเซ็นคำสั่งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามามาช่วยที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รองผบ. ตร.รักษาการ ว่า อย่างที่ทราบว่า มีประเด็นกรปฏิบัติหน้าที่ราชการ เรื่องคดีความทั้งหลาย ซึ่งต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ไม่มีการแทรกแซง แต่ต้องย้ำว่า ทั้ง 2 ท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

แต่เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นเป็นไปได้ด้วยความสะดวก ดูแลประชาชนได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการก้าวก่าย จึงมีการโอนทั้ง 2 ท่านมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เป็นระยะเวลา 60 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการ ตรวจสอบเรื่องที่มีข้อขัดแย้งทุกเรื่อง ทุกคดีที่มีการกล่าวโทษกัน ให้แล้วเสร็จ

โดยภายในวันนี้ตนจะมีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะ กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจำนวน 3 คน ทั้งนี้การแต่งตั้ง โอนย้ายมีผลทันที ซึ่งและยืนยันว่า เป็นการย้ายเป็นการชั่วคราว ไม่ได้เป็นการลงโทษ ทุกอย่างขั้นตอน เงินเดือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบด้วยใครบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เป็นตำรวจ เป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย  และมาจากสำนักเลขาฯ ทั้งนี้การเรียกทั้ง 2 คน เข้ามาพูดคุยเมื่อช่วงเช้าก็เพื่อแจ้งเรื่องนี้ และอธิบายพูดคุยว่า จะปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงที่เข้ามาช่วยราชการ ซึ่งทั้ง 2 คน รับปากว่า จะพยายามไม่พูดอะไรอีกให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ให้สืบทราบความจริง

ให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่มีการแทรกแซง  ไม่ให้ลูกน้องทั้ง 2 ฝ่ายออกมาพูดอะไรอีกแล้ว ซึ่งคิดว่าแต่ละท่านก็เป็นผู้ใหญ่พอแล้ว ท่านรู้ว่าควรจะพูด หรือไม่พูดอะไร ซึ่งก็มีการแถลงข่าวไปแล้ว ตอนนี้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าแล้ว อย่าให้มีการก้าวก่าย ล็อบบี้ดีกว่า ทั้งนี้หลังการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วก็จะมีการพูดคุยเพื่อให้นโยบายต่อเลย ส่วนการหารือกระบวนการทำงานคณะกรรมการจะไปหารือกันเอง ตนไม่อยากแทรกแซงหรือชี้นำ

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ความขัดแย้งในแวดวงตำรวจจะเรียบร้อย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนก็ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ไม่ได้สบายใจที่ต้องทำอย่างนี้ ต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้เดินไปข้างหน้าได้ มีหน้าที่ในการดูแลประชาชน

เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตนไม่อยากไปชี้นำอะไร แต่หากครบ 60 วัน ผลการพิจารณาออกมา แล้วกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีการแทรกแซงก็จะพิจารณาโอนย้ายกลับมาได้

เมื่อถามว่า ตอนที่แจ้งเรื่องการเข้ามาช่วยราชการ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีท่าทีอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า หลังจากแจ้งรายชื่อคณะกรรมการให้กับทั้ง 2 ท่านทราบ แน่นอนว่ามีความไม่สบายใจ แต่ก็ยอมรับและถือว่ากคนที่จะมาเป็นกรรมการฯ นั้นมีความเป็นกลาง จึงยอมรับดี

และตนเองก็ไม่ได้มีธงว่า ต้องตัดสินออกมาเป็นอย่างไร  วันนี้ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง การทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แถสสอง แถวสามที่อาจจะเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งอาจจะทำให้การทำงานไม่เต็มสภาพ นี่คือสิ่งสำคัญมากกว่า ดังนั้นการเอาคู่ขัดแย้งมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ทุกฝ่ายจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ปัญหาพี่น้องสำคัญที่สุด อาทิ บ่อนการพนัน หนี้สิน ฯลฯ

เมื่อถามว่า มีการพูดถึงนาย พล ต. ทำไมถึงเจาะจงเป็นคนนี้ ไม่เป็นคนอื่น นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อยากไปพูดต่อ จะเป็นการก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม อย่างที่บอกไม่อยากให้ปรากฏชื่อพวกนี้ขึ้นมา กระบนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีการแทรกแซงล็อบบี้เกิดขึ้นดีกว่า เราทุกคนจะได้สบายใจว่า กระบวนการทุกอย่างเป้นไปตามกฎหมายเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนไม่ได้สบายใจที่ทำแบบนี้ แต่ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาผู้ที่มีความขัดแย้งออกไปก่อน ให้กระบวยการยุติธรรมเดินต่อ เชื่อว่าวันนี้ทุกคนเข้าใจว่า ทำไมถึงต้องมีวันนี้เกิดขึ้น

เมื่อถามถึง การประชุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที 21 มี.ค.นี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมีเรียกประชุมกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้ช่วยฯ ผู้บัญชาการภาค และผู้บัญชาการทั้งหลายเพื่อชี้แจงนโยบาย แต่คงไม่มีการชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าสื่อเป็นกระบอกเสียงอยู่แล้ว ซึ่งตนก็พุดตรงไปตรงมาที่สุก เรามาอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลประชาชน ไม่อยากให้ข้าราชการแถวสองแถวสามต้องเข้าข้างฝ่ายใด

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปดีกว่า แล้วท่านทั้ง 2 ก็จะได้สบายใจว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวน สอบสวนอะไรแล้ว เพราะถูกโยกมาช่วยงานที่สำนักนายกฯ แล้ว ไม่มีใครกล่าวหาท่านได้ว่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องท่านทั้ง 2 ด้วย ยืนยืนว่าไม่ด้เป็นการลงโทษ ท่านทั้ง 2 ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เมื่อท่านผ่านการถูกตรวจสอบไม่มีมลทินแล้วก็จะสามารถกลับเข้ามาได้อย่างสง่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา เตรียมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่เกิดปัญหาขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีการกล่าวหากันไปมา ถึงเส้นทางการเงินไปเชื่อมโยงกับแก๊งพนันออนไลน์ รวมทั้งมีการกล่าวอ้างว่า มีการกลั่นแกล้งตั้งข้อหา เพื่อให้มีผลต่อการแต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยคณะกรรมการสอบสวนจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ผลสรุปให้นายกฯพิจารณาต่อไป

สำหรับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่นายกฯแต่งตั้ง ประกอบด้วย 1.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด 3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายเศรษฐา มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนี้สอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อสรุปภายใน 2  เดือน เพื่อพิจารณาว่า จะย้ายนายตำรวจทั้งสองกลับมาทำงานตามปกติหรือไม่ หรือจะให้ช่วยราชการสำนักนายกฯต่อไป