ศาลนัดพิจารณาคดีฟ้องหย่า “พล.อ.ชวลิต-คุณหญิงพันธุ์เครือ” ปมแบ่งสมบัติ วันนี้

ศาลนัดนัดพิจารณาคดีการฟ้องร้อง “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ-คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ” อดีตภรรยา วันนี้ 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (25 ก.พ.) ศาลได้นัดพิจารณาคดีการฟ้องร้อง ระหว่างพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ อดีตภรรยา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสัญญาทรัพย์สินสัญญาในเอกสารใบหย่า

จุดเริ่มต้นการฟ้องหย่า

“พล.อ.ชวลิต” ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการฟ้องร้อง คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ อดีตภรรยา ผ่าน llpch.new ของ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวสายทหาร ว่า สัญญาในใบหย่า ได้มอบทรัพย์สิน ให้คุณหญิงพันธุ์เครือ มีเจตนาเพื่อให้เเบ่งสรรปันส่วนให้ลูกหลาน แต่กลับนำไปขายเเละจำนองโดยไม่ทราบว่านำเงินไปทำอะไร

“คนเป็นชายชาติทหารต้องเคารพสตรีโดยเฉพาะภรรยา การนำบ้านที่ตนยังให้ไปขายมอบให้คนอื่นคือปัญหาสำคัญสำหรับคนที่รักในศักดิ์ศรีตระกูล มีแต่ความรู้สึกที่ดีที่มอบให้แต่คุณหญิงพันธุ์เครือไม่ดูแลตน แม้แต่ตอนหกล้มเมื่อปี 59”

พล.อ.ชวลิต ระบุว่า การที่ไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมของตนเองถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะหย่าขาดจากกันแล้ว อีกทั้งตนไม่พอใจที่นำบ้านที่ จ.นครพนม ไปมอบให้กับผู้อื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันธุ์กันทางสายเลือด เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการหย่า ความจริงตนไม่ต้องการหย่า เเต่คุณหญิงพันธุ์เครือชวนไปหย่าและคุณหญิงพันธุ์เครือเป็นคนเเรกที่เซ็นใบหย่า

(14 ก.พ.) คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ (ลิมปิภมร) หรือ “คุณหญิงหลุยส์” ได้เผยแพร่หนังสือชี้แจง จำนวน 5 หน้า ถึงบทสัมภาษณ์ของพล.อ.ชวลิต เกี่ยวกับการฟ้องร้องครั้งนี้ รวมถึงสาเหตุเบื้องหลังการขอหย่าในปี 2560

ในเอกสารการชี้แจงดังกล่าวระบุว่า “พล.อ.ชวลิตและคุณหญิงพันธุ์เครือ ได้จดทะเบียนสมรส เมื่อวัน 24 มิถุนายน 2509 ไม่มีบุตรด้วยกัน และหย่าขาดจากกัน เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 รวมระยะเวลา 51 ปี 3 เดือน”

ส่วนมูลเหตุในการการหย่าร้างครั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ให้เหตุผลว่า จะกลับไปเล่นการเมือง รวมถึงมีความกังวลต่อทรัพย์สินของคุณหญิงพันธุ์เครือ ตนจึงเชื่อใจ และได้จดทะเบียนหย่าไป

นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวของคุณหญิงพันธุ์เครือ ยังระบุอีกว่า “ไม่เคยทราบมาก่อนว่า ท่าน (พล.อ.ชวลิต) มีผู้หญิงดูแลก่อนหย่าเป็นเวลาถึง 10 ปี” พร้อมทั้งระบุว่า ส่วนตัวแล้วไม่มีเหตุผลข้อใดที่จะขอหย่าขาดกับพล.อ.ชวลิต ตามด้วยเหตุผล 7 ข้อ

  1. ครองคู่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา นานถึง 51 ปี 3 เดือน ซึ่งนับว่ามีระยะเวลานาน
  2. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองทำหน้าที่ภรรยาอย่างดีที่สุด
  3. สนับสนุนงานทั้งด้านการเมืองและด้านการทหารในกองทัพอย่างเต็มกำลัง
  4. ในวันที่ จดทะเบียนหย่า มีอายุ 78 ปี ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องขอหย่า
  5. ปัจจุบัน ยังคงถือครองสถานม่าย ขณะที่พล.อ.ชวลิต หลังจดทะเบียนหย่าไม่ถึง 8 เดือน ได้ประกาศแต่งงานใหม่
  6. กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ระบุในบทสัมภาษณ์ว่า ตนเป็นผู้ลงลายมือชื่อในทะเบียนหย่าเป็นคนแรกนั้น ประเด็นการหย่าเป็นความต้องการของของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นใครลงมือชื่อก่อนหลัง หากลงลายมือชื่อต่อนายทะเบียน ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติ การลงลายมือชื่อจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
  7. ส่วนเรื่องการประสบอุบัติเหตุ ที่พล.อ.ชวลิต ระบุว่า ตนไม่ได้ดูแลเอาใจใส่นั้น ไม่เป็นความจริง ระหว่างที่รักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาล ตนดูแลและทำหน้าที่ภริยาอย่างครบถ้วน

คุณหญิงพันธุ์เครือยังระบุถึงใบบันทึกข้อตกลงหย่า จำนวน 3 ข้อ

  1. ทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะหย่าจากกัน
  2. พล.อ.ชวลิต ยินยอมว่าทรัพย์สินที่ยกสินสมรสยกให้คุณหญิงพันธุ์เครือ สินสมรส เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว หากได้ทรัพย์สินเพิ่มภายหลัง จะมอบให้คุณหญิงพันธุ์เครือตามสมควร
  3. ให้รับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสด้วย ปัจจุบันต้องชำระหนี้สินให้ พล.อ.ชวลิต

สำหรับที่ดินบ้านปิ่นประภาคม “คุณหญิงพันธุ์เครือ” ระบุว่า ผ่อนตั้งแต่ปี 2505 เดือนละ 350-500 บาท ก่อนแต่งงานกับ พล.อ.ชวลิต เมื่อผ่อนแปลงแรกเสร็จ ได้นำไปจำนอง เพื่อนำเงินไปซื้อแปลงที่ 2 และ 3 เมื่อได้เงินจากการประสานขายที่ดิน ได้ช่วยเหลือสนับสนุนงานของ พล.อ.ชวลิต

ส่วนเงินเดือน พล.อ.ชวลิต บางส่วน นำมาให้เลี้ยงดูบุตรสามคนของ พล.อ.ชวลิต ส่วนคุณหญิงพันธุ์เครือมีอาชีพเสริม ทำเบเกอรี่ขาย ประสานงานซื้อขายที่ดิน ได้เงินเก็บมาสนับสนุน พล.อ.ชวลิต ได้มากพอควร

ส่วนบ้านที่ จังหวัดนครพนม ที่ยกให้บริวารซึ่งเป็นพลขับรับใช้ พล.อ.ชวลิต มาตั้งแต่ปี 2542 และดูแลทรัพย์สินให้อย่างซื่อสัตย์ตลอดระยะเวลา 22 ปี พลขับผู้นี้ได้โอนคืนมาให้แล้ว ซึ่งพล.อ.ชวลิต ก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่กลับบิดเบือน จนสร้างความเสียหาย และหลังหย่าขาดมานานกว่า 3 ปี แต่เพิ่งมาฟ้องสินสมรสในปี 2563

คุณหญิงพันธุ์เครือยังระบุด้วยว่า ขณะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 7 พฤศจิกายน 2540 พล.อ.ชวลิต มีทรัพย์สิน 23 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ รวม 146.9 ล้าบาท เป็นของคุณหญิงพันธุ์เครือมา ตั้งแต่ต้น

ส่วนการที่ พล.อ.ชวลิต และภรรยาใหม่ ไม่สามารถเข้าไปในบ้านที่ จังหวัดนครพนมได้นั้น เนื่องด้วยไม่มีเหตุผลที่ พล.อ.ชวลิตและภรรยาใหม่จะเข้าไปวุ่นวายในทรัพย์สินส่วนตัวของตนเอง

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของมหากาพย์ ฟ้องหย่า ครั้งนี้จะเป็นเช่นไร ยังคงต้องติดตามกันต่อไป