เส้นทางใหม่ ไทยสร้างไทย แตกพรรค ทักษิณ-เพื่อไทย

ในจังหวะที่รัฐบาลพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กุมบังเหียนเป็นผู้นำสูงสุดกำลังสั่นคลอนด้วยภาวะภัยพิบัติโควิด-19

เป็นจังหวะที่ฝ่ายค้าน 6 พรรคไม่เป็นรูปขบวนฟัดกันเอง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เหมือนกับผ่านพ้นจุดสูงสุด

แม้ปัดฝุ่นจุดขาย ของตายเดิม “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในนาม “พี่โทนี่” มาช่วยดึงกระแส ชิงเหลี่ยมกับพรรคก้าวไกล ดึงคะแนนโหวตเตอร์คนรุ่นใหม่

แล้วถูกพรรคก้าวไกลหักเหลี่ยม เปิดแผลการฮั้วกับผู้มีอำนาจ ทั้งเกมงบประมาณ เกมแก้รัฐธรรมนูญ จนถึงเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ตรงกันข้ามกับ 2 พรรคคู่ขนานกับพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ต้อง “พะวง” เกมเตะตัดขา แต่จะเริ่มรุกหนักทางการเมือง หลังวัน ว. เวลา น. เลือกตั้งใกล้เข้าโค้งสำคัญ หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทั้งพรรคไทยสร้างไทย ที่มี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” กุมบังเหียนเป็นประธานพรรค

ทั้งพรรคเส้นทางใหม่ แม้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็จะเปิดตัวในเวลาอันใกล้นี้ ปรากฏชื่อ “จาตุรนต์ ฉายแสง” เข้ามาเป็น “แกนนำ” ถือธงอุดมการณ์พรรค

เป็น 2 พรรคการเมืองที่กลายเป็น “เส้นขนาน” กับพรรคเพื่อไทย แม้ว่าบุคลากรของทั้ง 2 พรรค เคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่ยังต้องลุ้นว่าจะมาบรรจบกันได้หรือไม่

ไทยสร้างไทย เลือกเส้นทางการเมืองของตัวเอง เมื่อกลุ่ม “คุณหญิงสุดารัตน์” พ่ายแพ้ในเกมชิงการนำของพรรค

โดยมี “กรรมการ” ชี้จุดโทษให้เกิดการเปลี่ยนเกมคือผู้มีอำนาจเหนือพรรคตัวจริง อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร-คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์”

หลังการจากไปของทีม “เจ๊หน่อย” ทำให้ ส.ส.ที่เคย “แทงหวย” อยู่ข้างคุณหญิงสุดารัตน์หวั่นไหว

บางรายยังต้อง “จำใจ” อยู่ เพราะห่วงว่าย้ายไปแล้วไม่ได้สวมเสื้อคลุมเพื่อไทยจะ “สอบตก” มากกว่า “สอบได้” เพราะคะแนนไทยสร้างไทย อยู่ที่ตัวของเจ้าแม่ กทม. แต่ไม่ได้แผ่ขยายรัศมีมายังแบรนดิ้งไทยสร้างไทย

บางรายกระโดดเกาะเรือลำใหม่ที่มีทั้งกระสุนเงินเต็มถัง และอำนาจ ทำให้ขุนพลที่ตัวอยู่เพื่อไทย แต่ใจไปพรรคอื่น ไม่ขอร่วมศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เว้นวรรคตั้งแต่บัดนี้

แหล่งข่าวในเพื่อไทยที่ “จำใจ” อยู่ ระบายความในใจว่า เสียดายผู้ใหญ่ขัดแข้งขัดขากัน ถ้าไทยสร้างไทยร่วมงานกับเพื่อไทยได้ อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าที่ไทยสร้างไทยไปจับมือกับพรรคอื่นที่ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่นายใหญ่ก็อยู่ห่างไกลเกินไป ไม่รู้หรอกว่าที่นี่เขาเล่นกันแรงขนาดไหน

นาทีนี้ ลูกพรรคเพื่อไทยที่ไม่ฝักใฝ่กลุ่มอำนาจที่คุมพรรคอยู่ในปัจจุบัน กำลังถูก “เพ่งเล็ง” มากเป็นพิเศษ ในช่วงการเมืองเข้าด้ายเข้าเข็ม อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ปัจจุบัน “ไทยสร้างไทย” ยังเดินหน้าอีเวนต์ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ และผลกระทบด้านเศรษฐกิจของภาคธุรกิจ SMEs

ขณะที่พรรคเส้นทางใหม่ ที่มี “จาตุรนต์และผองเพื่อน” ประกาศว่า เป็นอิสระจากพรรคการเมืองอื่น ไม่มีพันธะ ไม่มีได้รับมอบหมายจากพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น เป็นอิสระของตัวเอง

และต้องการให้พรรคการเมืองใหม่นี้กลายเป็นสถาบัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ รับฟังเสียงสมาชิกพรรค สาขาพรรค ไม่มีพันธะนายทุน-เจ้าของพรรค

“พยายามกระจาย (ทุน) ซึ่งแนวโน้มเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วตามธรรมชาติ เราไม่มีทุนรายใหญ่ ๆ มาปั๊บเท่ากับเป็นเจ้าของโดยอัตโนมัติ เราไม่มีแบบนี้ ดังนั้น ต้องหาผู้มาร่วม ผู้สนับสนุนที่จะต้องกระจาย ถ้าจะเป็นห่วงเรา มีนายทุนมาครอบงำพรรค น่าจะห่วงว่าจะหาทุนกันได้หรือเปล่ามากกว่า”

อย่างไรก็ตาม บรรดาผองเพื่อนของ “จาตุรนต์” เบอร์ใหญ่สุดที่แท็กทีมเข้ามาเป็นส่วนประกอบ คือ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เลขาธิการ นปช. และแกนนำ อ.ห.ต. car park

ถึงขั้นที่อยู่ที่จดทะเบียนสาขาพรรคแห่งแรก ตั้งอยู่บนถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ ม.13 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ “ณัฐวุฒิ”

ส่วนเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ อดีตผู้สมัครไทยรักษาชาติ (ทษช.) ก่อแก้ว พิกุลทอง, นพ.เหวง โตจิราการ, นิคม ไวยรัชพานิช, ประภัสร์ จงสงวน, เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์, ฐิติมา ฉายแสง, วุฒิพงศ์ ฉายแสง

การปลดแอกตั้งพรรคใหม่ ในนาม “เส้นทางใหม่” หลังเกิดอุบัติเหตุแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะมีข่าวกระเส็นกระสายว่า เบื้องหลังมี “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล สายตรง “ทักษิณ” เข้ามาช่วยเป็นแบ็กอัพเรื่องทุนรอน

แต่ในทางกลับกัน “เส้นทางใหม่” ก็ถอยห่างจากทุน “ทักษิณ” หนีจากความเป็นเจ้าของพรรค แต่ระดับดีลเมกเกอร์-ออร์แกไนเซอร์ทางการเมือง ยี่ห้อ “เฮียเพ้ง” แม้ตัวอยู่เพื่อไทย แต่ก็แตะสัมพันธ์กับเส้นทางใหม่ ผ่านมิตรการเมืองที่ไม่มีวันตัดขาดอย่าง “ณัฐวุฒิ”

แหล่งข่าวจากเส้นทางใหม่คอนเฟิร์มว่า แม้เส้นทางใหม่จะมีบุคคลในไทยรักษาชาติมาอยู่ใต้ชายคา แต่ทุนไม่ใช่ทุนทักษิณ และไม่ใช่ทุนเก่าบ้านจันทร์ส่องหล้า แต่เป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่จะเห็นเงาลาง ๆ ในวันเปิดตัวพรรค

ด้วยเหตุนี้ พรรคเส้นทางใหม่ พรรคไทยสร้างไทย จึงเป็นเส้นขนานทางการเมือง ที่อาจบรรจบกันในวันข้างหน้า แต่อาจไม่มีทางรวมเป็นทองแผ่นเดียวกันได้