คนการเมือง เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ แห่ร่วมไว้อาลัย “สุรินทร์ พิศสุวรรณ”

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ขณะที่ตนเองอยู่ในต่างประเทศ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของท่าน นับเป็นการสูญเสียอดีตผู้นำทางการเมืองคนสำคัญยิ่งคนหนึ่ง ท่านเป็นสุภาพบุรุษนักการเมือง และนักวิชาการที่จบจากสถาบันชั้นนำ แตกฉานในหลายภาษาและมีความรู้ลึกซึ้งในหลายเรื่อง และถ้าได้คุยด้วยจะรับรู้ได้ ถึงความรอบรู้จริงประเภทคมในฝัก ในขณะที่ผมเป็น รมว.ต่างประเทศก็ได้มีโอกาสทำงานกับท่านในฐานะเลขาธิการอาเซียน ท่านได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศและอาเซียนมากมาย ความรู้และประสบการณ์ในเวทีโลกของท่านที่ทิ้งไว้จะยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยไปอีกนาน

ด้าน นายไตรรงค์ สุวรณคีรี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกฯ กล่าวถึงการอนิจกรรมของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ว่า เป็นการจากไปที่กะทันหันมาก นายสุรินทร์สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในฐานะที่เป็นเลขาธิการอาเซียนที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา เมื่อปี 2531 ตนได้รับเกียรติแต่งตั้งให้เป็น รมช.มหาดไทย ก็ได้แต่งตั้งให้ นายสุรินทร์ เป็นเลขานุการคนแรกของตน ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า เป็นคนที่มีคุณภาพสูงมาก มีความรอบรู้ทั้งในด้านรัฐศาสตร์ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังเป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเกียรติในการถูกเชิญไปเป็นที่ปรึกษาของสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนที่ท่านเพิ่งจบดร. ออกมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดใหม่ๆ พูดได้เลยว่า นายสุรินทร์เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบรัฐสภา ความเห็นของท่าน มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เมื่อตอนที่ตนพยายามเขียนหนังสือ “มารยาททางการเมืองกับกฏหมายรัฐธรรมนูญ” จึงขอแสดงความซาบซึ้งและรู้สึกขอบคุณอีกครั้งหนึ่งในที่นี้ นอกเหนือจากความรอบรู้ทางวิชาการ ความสามารถด้านภาษาแล้วความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมของนายสุรินทร์ ก็โดดเด่นมาก ในช่วงที่เป็นที่ปรึกษาของ congress woman ของสหรัฐอเมริกานั้น ได้รับความไว้ใจให้ดูแลการเขียนคำกล่าวงานต่างๆ เพราะเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้สละสลวยไม่ด้อยไปกว่าเจ้าของภาษา แม้แต่ตอนที่เป็นเลขานุการของตน มีหลายครั้งที่ นายสุรินทร์ ทำให้ชาวอาหรับทึ่งในความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษาอาหรับ จนมีคำชมว่าพูดได้เพราะพริ้งกว่าชาวอาหรับพูดเองเสียอีก

“เมื่อปี 2559 ดร.สุรินทร์มาขอลาไปเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ผมก็แสดงความยินดีด้วยและอวยพรให้น้องได้นำความรู้ไปปลูกฝัง เพิ่มพูน บุคลากรที่จะมาเป็นความหวังของโลกต่อไป ไม่นึกเลยว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอ ดร.สุรินทร์ ผมขอแสดงความเสียใจกับโลกและประเทศไทยที่ต้องสูญเสียทรัพยากรที่มีคุณค่าอันสูงยิ่งไปอีกคนหนึ่ง และผมขอร่วมแบ่งปันความเสียใจกับครอบครัวพิศสุวรรณ เพราะถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเศร้าเสียใจนี้ ผมขอขอบคุณ ดร.สุรินทร์ และภรรยาที่ฟูมฟักเลี้ยงดูลูกๆ ให้ออกมาเป็นคนดีและคนเก่งไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อเลย ผมมั่นใจว่าผลงานชิ้นโบว์แดงของครอบครัวพิศสุวรรณจะสามารถสานต่อผลงานของพ่อ เป็นความหวังของประเทศชาติในอนาคตได้อย่างแน่นอน ขอแสดงความอาลัย” นายไตรรงค์กล่าว

ขณะที่นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นระบุว่า ผมไม่ได้ร่วมพิธีศพของดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เพราะเพิ่งเดินทางกลับพัทลุง เมื่อถึงบ้านก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวว่า ดร.สุรินทร์ เสียขีวิตแล้ว

ผมมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านหลายเรื่องทั้งในทางการเมืองและชีวิตส่วนตัว ในทางการเมือง ท่านช่วยผมหาเสียงครั้งแรกช่วงหน้าร้อนในเดือนมีนาคม 2535 และเป็นหน้าร้อนที่ตรงกับการถือศีลอด ท่านปราศรัยหลายเวที ปากแตก เนื่องจากขาดน้ำ แต่น้ำเสียงยังแจ่มใส ทรงพลัง ท่านบอกว่าพระเจ้าทดสอบเรา ให้เราอดทน คำปราศรัยของท่านเป็นสากล ทันสมัยผมยังจดคำปราศรัยของท่านไว้หลายเรื่อง และคงต้องนำมากล่าวในโอกาสต่อไป ผมทึ่งในพลัง และความตั้งใจจริงของท่าน ท่านเป็นมุสลิมที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ประการสำคัญท่านเป็นมุสลิมที่มีความเป็นสากล เข้าใจคำสอนของศาสดาอย่างแจ่มชัด

-ในสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายของท่านหานักการเมืองคนใดเทียบได้ยาก เป็นเหตุ เป็นผล ไม่ก้าวร้าว สนุก อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ดี

-ในชีวิตส่วนตัว ก่อนท่านเป็นเลขาธิการอาเซียน ผมเคยว่าความให้ท่านในบางเรื่อง ท่านสมถะ ซื่อสัตย์ สุภาพ ให้เกียรติคน แต่เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมแล้วท่านสู้ไม่ถอย เมื่อท่านเป็นเลขาธิการอาเซียนแล้ว ผมได้รับโทรศัพท์จากท่าน ท่านบอกว่า ท่านโทรมาจากประเทศอินโดนีเซีย บอกว่า ท่านพอมีตังค์อยู่บ้าง จะส่งมาให้ผมใช้ในการออกเยี่ยมเยียนประชาชน ผมพูดติดตลกว่า ถ้าเป็นเงินของท่านผมไม่รับ แต่ถ้าเป็นเงินของเลขาธิการอาเซียนผมจะรับไว้ หลังจากท่านพ้นตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนก็ไม่ค่อยได้พบท่าน แต่ได้โทรศัพท์พูดคุยกันบ้าง ท่านบอกว่า ท่านเดินทางตลอดเวลา ท่านหัวเราะและกล่าวว่า ท่านอยู่บนฟ้ามากกว่าอยู่บนพื้นดิน

ในฐานะประชาชนคนไทย และในฐานะสมาชิกพรรค ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของท่าน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ท่านเป็นอมตะ ท่านเพียงตายจาก แต่ท่านมิได้จากไป เราจะจดจำท่านไว้เสมอ ขอดวงวิญญาณของท่านอยู่ในอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าอย่างสงบสุข ตลอดกาล

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เล่าว่า ครั้งหนึ่งกับ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นนักการเมืองรุ่นหลังจาก ดร.สุรินทร์หลายปีมาก ที่สำคัญท่านเป็นถึงอดีตเลขาธิการอาเซียน จึงทำให้ผมกับ ดร.สุรินทร์ แทบจะพูดคุยกันน้อยมาก ทราบแต่เพียงว่า ท่านคือความภูมิใจของชาวประชาธิปัตย์ ที่มีบทบาทโดดเด่นในระดับสากล

มีอยู่วันหนึ่ง ท่านให้เลขาส่วนตัวโทรมาหาผม ประสานข้อมูลเรื่องการทำงานนโยบายด้านการศึกษา หนึ่งในนั้นคือโครงการ English for all โดยมีเป้าหมายให้เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษได้ พวกเราทำนำร่อง ในโรงเรียนลูกหลานคนจนที่ชานเมืองพิษณุโลก คือโรงเรียนสะพานที่สาม พิษณุโลก เลขาของ ดร.สุรินทร์ได้ประสานว่า ดร.สุรินทร์สนใจที่จะมาดูงาน

เมื่อถึงวันนัดหมาย ดร.สุรินทร์ก็มาที่โรงเรียนแห่งนี้ ได้ฟังบรรยายสรุปแนวคิดโครงการ ชมการแสดงของเด็กๆ และไปเยี่ยมห้องเรียน ท่านบอกกับผมว่า ท่านประทับใจโครงการนี้มาก ถ้าเราสามารถผลักดันได้จริง จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทยในอนาคต ที่จะสร้างคนไทยรุ่นใหม่พูดภาษาอังกฤษได้

ในช่วงที่มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชย์ เชิญอดีต ส.ส.มาร่วมพบปะและฟังบรรยายที่พัทยา โดยมี ดร.สุรินทร์เป็นวิทยากรร่วมด้วย ดร.สุรินทร์ยังได้เล่าถึง โครงการ English for all ให้อดีต ส.ส.ฟังอย่างน่าสนใจ และท่านมั่นใจว่า English for all จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

พวกเราในฐานะคณะทำงานนโยบาย ต้องขอขอบคุณ ดร.สุรินทร์ที่ให้ความมั่นใจ โครงการ English for all แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านต้องจากไปก่อน ไม่มีโอกาสได้เห็นการเริ่มต้นโครงการนี้ในประเทศไทย นอกจากโครงการนำร่อง ขอแสดงความไว้อาลัยอีกครั้ง

สุดท้ายคือนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย เล่าว่า ผมค่อนข้างตกใจเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ผมรู้จักท่านครั้งแรกในสภาเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยเราเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกัน ท่านเป็น ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนผมเป็น ส.ส. จังหวัดปราจีนบุรี แม้จะเป็นนักการเมืองต่างพรรคและส่วนใหญ่จะอยู่ตรงข้ามกันมาโดยตลอด แต่ผมก็ให้ความเคารพท่านในฐานะนักการเมืองคุณภาพ เราทั้งสองเป็นกัลยาณมิตรอยู่เสมอทั้งในสมัยที่ท่านและผมมีตำแหน่งทางการเมืองและอีกฝ่ายเป็นฝ่ายค้าน

การสูญเสีย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ จึงไม่ได้เป็นเพียงการสูญเสียนักการเมืองคนหนึ่ง แต่เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าคนหนึ่งของประเทศ ผมขอร่วมแบ่งปันความเสียใจกับครอบครัวพิศสุวรรณ และขอแสดงความเสียใจกับพรรคประชาธิปัตย์สำหรับการสูญเสียบุคลากรคุณภาพอย่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ “อินนาลิลลาฮ์ วะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน” แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และแท้จริงเราต้องกลับคืนสู่พระองค์ ขอดุอาอฺ อัลลอฮ์ทรงให้อภัยและทรงเมตตาต่อ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ด้วยเถิด

 

ที่มา : มติชนออนไลน์