บลจ.เอ็กซ์สปริง จับเทรนด์ลงทุนครึ่งปีหลัง หุ้นเทคฟื้นแรง ซื้อกองทุนแบบไหนดี ?

หุ้นเทคโนโลยีฟื้นแรง ลงทุนต่ออย่างไร ? กับ “คุณยศกร ฟอลเล็ต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (XSpring AM) 

วันที่ 5 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา สำหรับคนที่มีหุ้นเทคโนโลยีในพอร์ตพากันกอดคอร่วงเพราะว่าผลตอบแทนติดลบหนัก แต่ปีนี้ตั้งแต่ต้นปีเราเห็นแล้วว่าผลตอบแทนพุ่งขึ้นมาค่อนข้างรุนแรง คำถามคือเราจะลงทุนต่ออย่างไร และปัจจัยอะไรบ้างที่ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดูแลรายย่อยอย่างไร มีทำสรุปไหม จะดูแค่อย่างชัตเรตติ้งไม่ได้แล้ว

สำหรับประชาชาติเวลท์ เล่าเรื่องการลงทุน EP นี้ ร่วมพูดคุยกับ “ยศกร ฟอลเล็ต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (XSpring AM)

Q : ในมุมของเอ็กซ์สปริง มองการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ช่วงที่เหลืออย่างไร และจะมีผลกระทบต่อหุ้นเทคโนโลยีต่ออย่างไร

ในมุมมองของทาง บลจ.เอ็กซ์สปริง หรือ XSpring AM ถ้าเป็นในส่วนของนโยบายทางด้านดอกเบี้ยของทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรามีมุมมองค่อนข้างจะแตกต่างกับอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างตัวเลขล่าสุดตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (Job Openings) ที่เพิ่งประกาศออกมาก็ดีกว่าที่คาดไว้ รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (Jobless Claims) หรือตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ประกาศออกมาในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่อนข้างออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด

ข่าวดีอีกอย่างหนึ่งประธานาธิบดีสหรัฐ บรรลุข้อตกลงผ่านร่างที่เรียกว่า Financial Responsibility Act 2023 ซึ่งร่างตัวนี้มีผลช่วยให้มีการขยับขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ ขึ้นมาอยู่ที่ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอันนี้ก็ส่งผลดีกับเป็นภาพบวกกับในภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ

กลับมาในส่วนของหุ้นเทคโนโลยีถามว่าได้ประโยชน์จากเรื่องพวกนี้ ต้องเรียนว่าถ้าเราดูดัชนี NASDAQ ในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 30% โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 7.18% จริง ๆ หุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นมาเราก็มองว่าหลาย ๆ อย่างมาจากข่าวดีที่ผลประกอบการของบริษัทที่เป็นเทคโนโลยีคอมปะนีในสหรัฐ ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด

สำหรับ บลจ.เอ็กซ์สปริง เราก็ยังคงมีมุมมองที่ค่อนข้างมีความเชื่อว่าทางเฟดในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมิถุนายนนี้ วันที่ 14 น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกประมาณ 25 bps หรือ 0.25% ก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นมาจากเดิมที่อยู่ที่ 5.00-5.25%

ขยับขึ้นมาเป็น 5.25-5.50% รวมถึงเราได้เขาไปดูรายชื่อของคณะกรรมการที่นั่งอยู่ใน FOMC ทั้ง 11 ท่าน เราก็เห็นว่า 7 จาก 11 ท่านเป็นสายเหยี่ยว เป็น Hawkish เราก็เลยมองว่าโอกาสที่การประชุมของ FOMC ในรอบหน้าน่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นมา

ซึ่งถามว่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโกรทไหม ถ้าเอาในเชิงของอัตราดอกเบี้ยก็น่าจะมีส่งผลกระทบ ก็อาจจะมีความผันผวนเกิดขึ้น แต่ว่าถ้าดูจากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงที่มีการปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technology Breakthrough) ที่ออกมาค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของ Generative AI หรือชื่อเต็ม Generative Artificial Intelligence

อีกอย่างหนึ่งที่เรามองสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับอานิสงส์จากเรื่อง AI หรือ Artificial Intelligence ก็คือเรามองว่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัทที่เป็นฮาร์ดแวร์คอมปะนี หรือซอฟต์แวร์คอมปะนีก็จะได้รับผลในเชิงบวกจากความนิยมการนำตัว AI มาใช้ในการทำงาน

Q : ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาถือว่าค่อนข้างเยอะเลย มองต่ออย่างไรว่าโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้มีโอกาสเยอะแค่ไหน

ถ้าเอาในมุมมองของเรา เราก็เชื่อว่าทางเฟดน่าจะยังคงนโยบายที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่อีกตัวหนึ่งที่เรากำลังพยายามวิเคราะห์กันอยู่ก็คือ เราเชื่อว่าปีนี้เรื่องของเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐ อาจจะถูกขยับออกไป อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ตามที่ตลาดคาดการณ์ อาจจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ของปีหน้า (2567) ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่เราคิดไว้เราเชื่อว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็น่าจะได้รับอานิสงส์ในการที่อาจจะมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

แต่ว่าอีกหนึ่งความเสี่ยงจากผลกระทบของเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Event Risk) ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วงที่ผ่านมามีผลกระทบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็คือ เรื่องของวิกฤตธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นธนาคารในภูมิภาค (Regional Bank) หรือว่าธนาคารขนาดกลางขนาดใหญ่ในสหรัฐ

ซึ่งอันนี้คงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่าจะมีธนาคารพาณิชย์ที่เป็นไซซ์ขนาดกลางขนาดเล็กในสหรัฐ ที่จะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจออกมา มีการปิดตัวลงไปอีกมากน้อยเพียงใด อันนี้ก็อาจจะมีส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่เกิดคล้าย ๆ กับเป็นน้ำกระเพื่อมมากระทบกับเศรษฐกิจภาพรวมของสหรัฐ ซึ่งก็อาจจะส่งผลต่อหุ้นโกรท

Q : กรณีที่เศรษฐกิจถดถอยไม่ได้ไปเกิดในปีหน้า แต่มาเกิดปลายปีนี้ หุ้นเทคโนโลยีต้องโดนผลกระทบมากแค่ไหน

จริง ๆ ต้องเรียนอย่างนี้ผมว่าพอเราพูดว่าหุ้นเทคโนโลยี อาจจะต้องเข้าไปดูว่าหุ้นเทคโนโลยีในตัวที่เราพูดถึงมันเป็นหุ้นเทคโนโลยีในลักษณะไหน คือถ้าเป็นหุ้นเทคโนโลยีกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องของ AI หรือ Artificial Intelligence ที่ผมเรียนไปตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งพวกฮาร์ดแวร์รวมถึงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ผมคิดว่าผลกระทบมันอาจจะไม่ได้มีมาก กับการที่เกิดการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจในสหรัฐ หรือว่า Recession

แต่ว่ามันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าสุดท้ายบรรยากาศ (Sentiment) ของตลาดมันก็อาจจะมีผลกระทบ (Impact) กลับมากับราคาหุ้นในตลาด ซึ่งอันนี้ถ้าให้เราพิจารณา สมมุติว่าเศรษฐกิจสหรัฐเกิด Recession ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เราก็เชื่อว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโกรทได้เช่นกัน

อย่างไรก็คงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมีการประกาศออกมาอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขการจ้างงาน ยังคงออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แล้วก็ภาพรวมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อหรืออะไรแบบนี้ เราเชื่อว่าก็จะส่งผลทำหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหรือกลุ่มโกรทยังสามารถขยับตัวปรับตัวสูงขึ้นได้อยู่

Q : ราคาที่มันปรับขึ้นมาเยอะแล้วควรจะซื้อ ควรจะขาย ควรจะทำอย่างไรดีมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง

ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะว่าค่า P/E Ratio ของหุ้นเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และรวมถึงช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่าง NVIDIA ถึงแม้ว่าทุกคนจะบอกว่าผลประกอบการเขาออกมาดีกว่าที่คาดจากเรื่องของ Generative AI แต่ว่าผมคิดว่าราคา NVIDIA ณ ปัจจุบันที่ P/E น่าจะใกล้ ๆ 50 เท่า ก็ถือเป็นตัวเลขที่ต้องใช้ความระมัดระวัง

คือไม่ได้บอกนะว่าลงทุนไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้าเรายังเชื่อว่ารายได้ (Earnings) ของ NVIDIA จะกลับเข้ามาสูงกว่าที่ตลาดคาด อันนี้เราก็จะมาทำให้ Rebase ค่า P/E Ratio ของหุ้นตัวนี้ให้ปรับลดลงได้ แต่ว่าถ้าถามผมในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างแพงพอสมควร เมื่อเทียบกับหุ้นเทคโนโลยีตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ก็อาจจะต้องเลือก (Selective) ก็คงต้องเลือกดูหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI