“แสนสิริ” ชูเทคโนโลยี-ไลฟ์สไตล์พัฒนาคอนโด ตอบโจทย์ลูกค้า

นายนพปฎล พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน ส่องอสังหาฯ 2019 ในหัวข้อ “Quality of Life” ว่า หลายคนที่ทำงานอยู่ในวงอสังหาฯย่อมรู้ดีว่า อสังหาฯไม่ใช่เพียงแค่การก่อสร้าง ทุกโครงการที่เกิดขึ้นจะถูกคนในวงการจับตามอง ด้วยถือเป็นความรับผิดชอบ ความใส่ใจที่ต้องมีมากเป็นพิเศษ เพราะที่อยู่อาศัยหรือบ้านล้วนแต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกครอบครัว โดยในอนาคตสามารถมองเห็นแนวทางได้ 2 อย่างคือ เทคโนโลยี และโกลบอลไนเซชั่น 

1.ด้านเทคโนโลยี สิ่งแรกที่เห็นชัดเจนคือ การนึกถึงสมาร์ทโฟน จากสถิติประชากรในเมืองไทย 69 ล้านคน มีสัดส่วนอาศัยอยู่ในตัวเมืองเกิน 50% ใช้อินเทอร์เน็ต 4 ใน 5 คน ใช้โมบายทั่วประเทศเฉลี่ย 80% ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยต่อคน 9.9-10 ชั่วโมงต่อวัน จากอดีตที่ทุกอย่างดำเนินการไปด้วยความล่าช้า แต่ปัจจุบันรวดเร็วมากขึ้น มีการใช้อีเมลและตอบอีเมลเกือบทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศหรือบ้าน หลายคนไม่เคยปิดแมสเสดหรือไลน์เพราะกลัวพาดเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นจุดสำคัญเมื่อต้องคิดถึงการเชื่อมโยงกับอสังหาฯ เพราะโทรศัพท์ไม่ได้มีไว้เพื่อคุยเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ในการบริการด้านอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งอาหาร ส่งของ สั่งของ หรือใช้ในฟังก์ชั่นอื่นๆ ซึ่งสามารถทำได้ตลอดเวลา สรุปคือพฤติกรรมทุกอย่างของคนในยุคปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่กับสมาร์ทโฟน 

2.โกลบอลไลเซชั่น (Globalization) จากตัวข้อมูลบอกว่ากว่า 50% ของประชากรอาศัยอยู่ในเมือง เมื่อมองภาพในกรุงเทพฯ พื้นที่โซนสิ่งก่อสร้างที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น แนวโน้มของอสังหาฯในเรื่องความต้องการหรือดีมานด์ไม่เคยลดลง ไม่ว่าจะผ่านไป 5 หรือ 10 ปีผ่านไป แต่พื้นที่ในการปลูกสร้างก็เริ่มน้อยลง ฉะนั้นอสังหาฯที่อยู่ในรูปแบบของบ้านจะลดลงตามไปด้วย จาก 45-50 ตร.ม. ปัจจุบันอาจจะเหลือเพียงแค่ 20-26 ตร.ม. ส่วนอสังหาแนวดิ่งจึงเพิ่มขึ้น และมีความต้องการสูงขึ้นตามมา โดยสิ่งสำคัญคือ เมื่อพื้นที่ลดลงจะทำอย่างไรให้คุณภาพไม่ลดลง อย่างแสนสิริเพลส ก็จะมีการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางภายนอกมากขึ้น ใส่ใจเรื่องซีเคียวริตี้ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญมาก

ในด้านการขยายตัวของกรุงเทพฯการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กันกับผู้อยู่อาศัย แสนสิริจึงเน้นสร้างคอนโดให้อยู่ไกล้สถานีกับสถานี BTS หรือรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะย่นเวลาเดินทางได้ และการซื้อคอนโด

นอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัย แล้ว สำหรับบางคนอาจจะต้องหารใช้พื้นที่ ซึ่งมากกว่าพื้นที่ดอนโดเพียง 26 ตร.ม. อาจจะมีโคเวิร์คกิ้งสเปสเข้ามาเพิ่ม หรือพื้นที่ส่วนอื่นที่เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น พื้นที่สำหรับฟิสเนส สระว่ายน้ำ หรือพืนที่สำหรับกิจกรรมสำหรับคนยุคใหม่ ในยุคนี้บางคนทำงานที่บ้าน เป็นบล็อกเกอร์ ทำกุ๊กกี้ขายหลายคนทำธุรกิจออนไลน์ ฉะนั้นจึงต้องมีพื้นที่สำหรับทำธุรกิจด้วย ยกตัวอย่าง เอ็กซ์ที คอนโด ไม่ว่าจะเป็นที่เอกมัย พญาไท ห้วยขวาง ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้

การสร้างคอมมิวนิตี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับอสังหาฯ และเป็นที่มาของโครงการ ที 77 ของแสนสิริ เพราะจะมีร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร คาเฟ่ และอื่นๆ ที่คนรอบข้างสามารถมาใช้พื้นที่ได้ และต้องดูและลูกค้า ตั้งแต่กลุ่มซูเปอร์ไฮเอนด์จนถึงนิสิตนักศึกษาที่หันมาซื้อบ้านหลังแรก แม้ภาพรวมตัวอาคารมีควาใหรูหรา ทำเลดี แต่ยังต้องมีการบริการพร้อม เพราะอสังหาจะต้องเป็น service provider ต้องมี personalize service เช่น รถรับส่ง บริการสปา เหล่านี้เป็นคุณภาพชีวิตที่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้า

ทั้งนี้ โปรดักเซอร์ไวเดอร์เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา แสนสิริได้ลงทุนไป 2800 ล้านบาท กับพาร์ทเนอร์ชิป เป็นการลงทุนที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้แชร์ประสบการณ์กัน สแตนดาร์ดจะเริ่มคล้ายกับโรงแรม อย่างเช่น JUST CO WORKING บริษัทบริษัทเวิร์คกิ้งของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานที่ออฟฟิศ แต่เป็นการทำงานร่วมกัน โดยใช้การนำเทรนไลฟ์สไตล์เข้ามาใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องมีพื้นที่ศึกษาโปรแกรม ฮาร์ดแวร์ ด้านเทคโนโลยี มีไวไฟพร้อมให้ นอกจากนี้ยังมีด้านเทคโนโลยี SIRIRENGER จะลงทุนด้านสาร์ทอัพ ไม่ยุ่งกับอสังหาฯ เป็นการให้บริการทางด้นภาษา ซึ่งจะมีการลงทุนในอเมริกา แลพอิสราเอล เราเป็นลงลทุนในบริษัทเล็กๆ ที่เชื่อว่าในอนาคตจะมีส่วนที่จะช่วยพัฒนาแสนสิริมากขึ้น

สำหรับเทรนด้านเทคโนโลยีแสนสิริมี “แสนดี”ที่เป็นโรบ็อท ที่จะนำไปใช้กับรูมเซอร์วิส สามารส่งของ หรือเปิดลิฟต์ได้ และยังเป็นผู้นำรายแรกที่นำมีสิริ เอไอบ็อก ที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ สามารถแจ้งช่างซ่อมได้ บอกดินฟ้าอากาศได้ ทั้งนี้ แสนสิริยังมีแอพลิเคชั่นที่เป็นตัวกลาง ที่ลูกบ้านสามารถแจ้งเตือนเซอร์วิส เช่น การเกิดน้ำรั่ว ไฟดับ ไฟเสีย 

อีกเทรนด์คือ wellness living สำหรับคนที่ต้องการดูเเลสุขภาพ แสนสิริเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงพยาบาลสมิติเวช และ Tokyu Grop มีไลฟ์สไตล์เข้ามาอยู่ในโปรเเกรมนี้ด้วย โดยมีห้องคอนเซาท์ ห้องโยคะ วิปัสนา ฉะนั้นความรับผิดชอบในด้านอสังหาฯจะต้องเน้นการดูแลให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอุ่นใจ

“Quality of Life จึงไม่ได้จบที่สร้างบ้านที่ดีที่สุด สวยที่สุด ใช้วัสดุดีที่สุด เเต่คือการดูเเลตั้งเเต่คนรอบตัว และคนที่จะเข้ามา ทุกช่วงเวลา”