กระทรวงแรงงานช่วย SMEs ปั้นแรงงานคุณภาพ ตั้งเป้าปี 62 ครอบคลุม 15,000 คน

“พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังจากเป็นประธานเปิดโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน สู่ SME 4.0 (STEM Workforce Towards SME 4.0) ประจำปีงบประมาณ 2562 ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ได้จัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ 20 ปี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทั้งในเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และอุตสาหกรรม พร้อมพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มุ่งสู่ Thailand 4.0

กระทรวงแรงงานจึงได้กำหนดนโยบายแร่งด่วนในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) รองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี เขตเศรษฐกิจพิเศษ และทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ดำเนินโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน สู่ SME 4.0 (STEM Workforce Towards SME 4.0) ประจำปีงบประมาณ 2562 เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถานประกอบกิจการ SME กลุ่ม OTOP และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่มีจำนวนมากกว่า 3 ล้านแห่ง ครอบคลุมการจ้างงานกว่า 11 ล้านคน มูลค่าทางเศรษฐกิจรวมมากกว่า 5 ล้านล้านบาท

โครงการนี้เป็นการทำงานเชิงรุกในการเข้าหาสถานประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่สถานประกอบกิจการ และพัฒนาทักษะพนักงานในสถานประกอบกิจการ ในการสร้างจิตสำนึกให้รู้คุณค่าของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เข้าใจถึงความสูญเสียที่แฝงอยู่ในกระบวนการทำงานและดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงได้อย่างเป็นระบบต่อเนื่อง สามารถนำแนวทางไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ลดการสูญเสียในวงจรการผลิต/ บริการได้อย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาศักยภาพพนักงานในสถานประกอบและผู้ประกอบกิจการ ไปแล้วกว่า 85,482 คน คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 5 ล้านล้านบาท สร้างความมั่นคงให้กับสถานประกอบกิจการ 1,103 แห่ง และในปี 2562 นี้ ได้วางเป้าหมายให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบกิจการ 228 แห่ง ระยะการให้คำปรึกษา 210 วัน/ แห่ง และพัฒนาศักยภาพแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) จำนวน 15,420 คน

“การดำเนินโครงการดังกล่าว มิได้คาดหวังเชิงปริมาณหรือเพียงเชิงตัวเลขเท่านั้น หากแต่ยังคำนึงถึงความมั่งคงในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาความคิดเชิงระบบ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เมื่อสถานประกอบกิจการและพนักงานในกลุ่ม SME วิสาหกิจชุมชน OTOP ได้รับการพัฒนา จะส่งผลดีในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสู่ Thailand 4.0 ต่อไป”