ข้อมูล “ESG” คืออะไร และสำคัญไฉน ?

set-ตลาดหุ้นไทย
แฟ้มภาพ
คอลัมน์ CSR Talk
พิพัฒน์ ยอดพฤติการ

ผู้ลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ หรือรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในระยะยาว หรือในระยะสั้น ต่างมีเป้าหมายร่วมเดียวกัน คือ ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ตามเงื่อนเวลา หรือข้อมูลที่มีต่อการตัดสินใจลงทุน

ข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการพิจารณาลงทุน นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐานของกิจการเป็น “ข้อมูลทางการเงิน” ที่สะท้อนให้เห็นความสามารถของกิจการในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเม็ดเงินลงทุนที่ได้รับ ในรูปของรายได้และผลกำไร

แต่ข้อจำกัดของข้อมูลทางการเงินคือเป็นข้อมูลที่สะท้อนการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งมิได้เป็นเครื่องรับประกันว่าผลการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ให้แนวโน้มที่คาดว่าจะเป็นไปได้เช่นนั้น บนสมมุติฐานหรือปัจจัยแวดล้อมเดียวกัน

จึงทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องค้นหาข้อมูลอื่นประกอบการพิจารณาลงทุน สำหรับคาดการณ์ถึงผลประกอบการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีความแม่นยำที่สุด และข้อมูลอื่นที่ว่า คือ “ข้อมูลที่มิใช่ตัวเลขทางการเงิน” เพราะข้อมูลดังกล่าวสามารถบ่งชี้ถึงโอกาส และความเสี่ยง รวมทั้งขีดความสามารถขององค์กรที่มีต่อผลประกอบการในอนาคตของบริษัท

ESG คืออะไร ?

ชุดข้อมูล ESG ซึ่งย่อมาจาก Environmental, Social and Governance จึงเกิดขึ้นในแวดวงตลาดทุน เพื่ออธิบายถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน

ESG เป็นคำที่ถูกบัญญัติขึ้นใช้ในตลาดทุน โดยผู้ลงทุน เพื่อใช้ประเมินการดำเนินงานของบริษัท และทำให้ล่วงรู้ถึงผลประกอบการในอนาคตของบริษัท

ปัจจุบันตลาดทุนไทยได้เริ่มให้ความสำคัญกับชุดข้อมูล ESG เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งฝั่งผู้กำกับดูแลหลักทรัพย์ ที่มีการออกประกาศให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูล ESG ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี และฝั่งตัวกลางซื้อขายหลักทรัพย์ ที่เริ่มมีบริการด้าน ESG แก่บริษัทจดทะเบียน รวมทั้งฝั่งผู้ให้บริการอิสระและที่ปรึกษาธุรกิจ ที่มีการนำเสนอบริการที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG สำหรับบริษัทจดทะเบียนและบริษัททั่วไป

สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาฐานข้อมูลความยั่งยืนของธุรกิจ และเป็นผู้ริเริ่มการประเมินข้อมูลด้าน ESG ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถือเป็นการจัดอันดับหลักทรัพย์โดยใช้เกณฑ์ ESG เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และได้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 6 ในปีนี้

และจากกระแสเรื่อง ESG ที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในวงกว้าง และมีการเสนอขายกองทุนที่ลงในหุ้น ESG เพิ่มขึ้นมาก จึงมีแนวโน้มที่การเลือกหุ้น ESG จะกระจุกตัวในกลุ่มบริษัทที่มีความโดดเด่นเรื่อง ESGอยู่แล้ว ซึ่งมักเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมในการเปิดเผยข้อมูล สถาบันไทยพัฒน์จึงริเริ่มจัดทำรายชื่อกลุ่มหลักทรัพย์ ESG Emerging หรือบริษัทที่มีแนวโน้มการดำเนินงานด้าน ESG ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมจากทำเนียบหุ้น ESG100 สำหรับรองรับการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน กระจายไปยังบริษัทใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพจากการพิจารณาปัจจัย ESG ร่วมกับผลประกอบการของบริษัท

ทั้งนี้ หลังจากที่สถาบันไทยพัฒน์รวบรวมข้อมูลการประเมินมา 3 ปี ในปี พ.ศ. 2561 ได้ขยายผลมาสู่การจัดทำดัชนีอีเอสจี ไทยพัฒน์ หรือ Thaipat ESG Index สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุน โดยมี S&P Dow Jones เป็นผู้คำนวณ และเผยแพร่ข้อมูลดัชนี ผ่านหน้าจอ Bloomberg และ Reuters ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วโลก

ปัจจุบันมีกองทุนรวมอยู่ 6 กอง และกองทุนส่วนบุคคล 1 กอง ที่มีการใช้ดัชนี Thaipat ESG เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุน โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ราว 838 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 กันยายน 2563)

โฉมหน้าของการลงทุนโดยใช้ข้อมูล ESG เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนไทยในมิติของการลงทุนที่ยั่งยืน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป กำลังจะกลายเป็นเส้นทางสายหลัก (mainstream) ตามรอยตลาดทุนโลก เพื่อยืนยันคำกล่าวที่ว่า “บริษัทที่มี ESG ดี จะสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีด้วย”