“นกแอร์” ตั้งหลักเดินแผนพลิกฟื้น คาดผลการดำเนินงานดีขึ้นแน่ในปี”61 เผยเตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่ 737 MAX 8 ลำ ในช่วงปี 2562-2564 รับการขยายเส้นทางบินใหม่ พร้อมทยอยเปลี่ยนบริการชาร์เตอร์ไฟลต์ 19 เส้นทางในจีนเป็นเที่ยวบินประจำทั้งหมด
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ได้เข้ามาดำเนินแผนพลิกฟื้นธุรกิจ (เทิร์น อะราวนด์ แพลน) ของนกแอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 คือลดการขาดทุนภายใน 6 เดือนนับจากนี้ โดยมุ่งให้นกแอร์กลับมายืนจุดเดิม ในฐานะสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ของคนไทย และปลดระวางเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานมานานออกจากฝูงบินเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
สำหรับระยะที่ 2 เป็นช่วงสร้างความพร้อมในการเดินไปข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ปี 2561-2562 และระยะที่ 3 เป็นแผนที่จะกลับไปขยายเส้นทางบินอีกครั้งช่วงปลายปี 2562-2564 ซึ่งจะรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ขนาด 200 ที่นั่ง อีก 8 ลำ แบ่งเป็นปี 2562 จำนวน 2 ลำ, ปี 2563 จำนวน 2 ลำ และปี 2564 จำนวน 4 ลำ เพื่อนำมาใช้บินเส้นทางสู่ประเทศจีน
มั่นใจธุรกิจพลิกฟื้นได้ภายในปี”61
ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนรอบที่ 2 ซึ่งระดมทุนได้ 1,700 ล้านบาท ทางบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนรอบดังกล่าวตามสัดส่วนถือครองหุ้น 21.5% ใน บมจ.สายการบินนกแอร์ ถือว่าเพียงพอที่นกแอร์จะนำไปบริหารงานต่อจนถึงปี 2563 และไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนรอบใหม่ โดยจะนำมาใช้เสริมสภาพคล่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผนพลิกฟื้นธุรกิจ ซึ่งคาดว่าปีหน้าผลประกอบการของนกแอร์จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“ปีหน้าธุรกิจของนกแอร์จะพลิกฟื้นในทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าอัตราการหมุนเวียนใช้เครื่องบินให้เกิดประสิทธิภาพที่ 11 ชั่วโมงต่อวันต่อลำ โดยได้รับแรงส่งที่ดีตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้
เป็นต้นไป และจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดี ซึ่งเราหวังเห็นอัตราบรรทุกผู้โดยสาร เฉลี่ยที่ 90% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากปีนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 82-83% ก่อนที่จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไปในปี 2562”
สำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศของนกแอร์นั้น นายปิยะกล่าวว่า ปัจจุบันสร้างรายได้ในสัดส่วน 35% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่อีก 65% เป็นรายได้จากเส้นทางบินในประเทศ ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มเป็น 40% ในปี 2563
ปรับเช่าเหมาลำเป็นบินประจำ
โดยให้ความสำคัญกับตลาดจีนเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันครองสัดส่วน 20% ของรายได้นกแอร์ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในประเทศจีน เพื่อสร้างความร่วมมือในการขายและทำตลาดผ่านช่องทางการขายของพันธมิตรท้องถิ่น
ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่สายการบินนอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างประสานงานกับแพลตฟอร์มระบบชำระเงินออนไลน์ชั้นนำในจีน เช่น อาลีเพย์ และวีแชทเพย์ คาดแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2561 นี้
ขณะที่ตลาดอินเดียถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่นกแอร์สนใจ แต่เนื่องจากเป็นตลาดที่ทำยาก ต้องเข้าไปอย่างระมัดระวัง นกแอร์จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรสายการบินโลว์คอสต์ สไปซ์ เจ็ต (Spice Jet) เพื่อเข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมการเดินทางของชาวอินเดีย โดยอาจนำเครื่องบินของเราไปบินรับนักท่องเที่ยวอินเดียซึ่งนิยมเที่ยวบินช่วงกลางคืน
“ปัจจุบันนกแอร์ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์ไปประเทศจีนรวม 19 เส้นทาง ตอนนี้เรามีแผนเปลี่ยนการให้บริการเป็นเที่ยวบินแบบประจำ 10 เส้นทาง ในปี 2561 และทยอยเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินแบบประจำจนครบทั้ง 19 เที่ยวบินในอนาคต ส่วนเส้นทางอื่น ๆ ปัจจุบันมีโฮจิมินห์ซิตี เวียดนาม 1 เส้นทาง และเมียนมา 2 เส้นทาง รวมมี 22 เส้นทางในต่างประเทศ” นายปิยะกล่าว
เปิดตัวบริการ “นกเลือกได้”
ด้านนางสาวจรัสพร ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด บมจ.สายการบินนกแอร์ กล่าวเสริมว่า ได้เปิดตัวรูปแบบของการเดินทางแบบใหม่ที่ให้อิสระแก่ผู้โดยสารมากขึ้นในการเลือกซื้อบัตรโดยสารและบริการต่าง ๆ ให้เหมาะกับความต้องการของผู้โดยสารแต่ละท่าน โดยการพัฒนาครั้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย เป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และรวดเร็ว เพียงคลิก “1-2-3 บุ๊ก แอนด์ บิน” จองได้ผ่านทุกช่องทางของนกแอร์
ทั้งนี้ บัตรโดยสารนกแอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.บินเบา ๆ (Nok Lite) ที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางโดยมีเพียงสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง 2.บินสบาย (Nok X-tra) ตอบโจทย์ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางพร้อมสัมภาระที่ต้องการโหลดขึ้นเครื่อง
และ 3.บินเพลิดเพลิน (Nok MAX) ตอบโจทย์ผู้โดยสารที่ต้องการโหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง โดยจะได้รับน้ำหนักสัมภาระ 15 กิโลกรัม สำหรับเส้นทางภายในประเทศ และ 20 กิโลกรัมสำหรับเส้นทางต่างประเทศ พร้อมรับบริการอาหารร้อนบนเที่ยวบิน นอกเหนือจากนี้
ผู้โดยสารยังสามารถเลือกบริการเสริม นกเปลี่ยนได้ (Nok Flexi) สำหรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการเช็กอินช่องทางพิเศษและการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการสำรองที่นั่ง
“การเปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ได้มีการพัฒนาทั้งในด้านรูปแบบราคาและข้อมูลที่ชัดเจนให้แก่ผู้โดยสาร เราคำนึงถึงความต้องการที่ต่างกันของผู้โดยสารแต่ละท่าน จึงได้มีการออกแบบบัตรโดยสารประเภทต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวแบ่งกลุ่มราคาที่ทำให้ผู้โดยสารมีทางเลือกมากขึ้น” นางสาวจรัสพรกล่าว