วอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า ระหว่างที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เยือนญี่ปุ่นได้มีการพูดถึงความร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ในโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพ หรือ Partnership for Quality Infrastructure
นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นผู้ผลักดันโครงการดังกล่าว โดยอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรหลัก คือ สหรัฐฯ อินเดีย และออสเตรเลีย โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับโครงการ Belt and Road Initiative (หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง) ของจีน
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- เปิดประวัติ 6 รัฐมนตรีใหม่ เศรษฐา 1/1 พิชัย-พิชิต-เผ่าภูมิ-จิราพร-อรรถกร-สุชาติ
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ผู้นำของ 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ อินเดีย และออสเตรเลีย มีกำหนดหารือ 4 ฝ่าย เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ในวันที่ 13 – 14 พ.ย. นี้ ระหว่างการประชุม East Asia Summit ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันโครงการนี้
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การเจรจา 4 ฝ่ายจะทำให้จีนต้องกลับไปตั้งหลักเพื่อพิจารณายุทธศาสตร์ของโครงการ Belt and Road ใหม่ และก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้ออกมากล่าวว่า จีนหวังว่าการเจรจาดังกล่าวจะไม่กระทบถึงผลประโยชน์ของประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าทางญี่ปุ่นจะระบุถึงความกังวลของหลายประเทศ หลังจากที่จีนได้เข้าควบคุมจัดการท่าเรือและสนามบินหลายแห่งในหลายประเทศในเส้นทางของโครงการ Belt and Road
แอนดรูว์ สมอลล์ นักวิชาการแห่ง Asia Program of the German Marshall Fund กล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการเสนอทางเลือกอื่นนอกเหนือไปจากโครงการ Belt and Road และเพื่อส่งข้อความว่าประเทศในภูมิภาคนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจีนอย่างเดียว เพราะการพึ่งพาจีนทางเศรษฐกิจมากเกินไปนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเมืองของผู้นำประเทศเหล่านั้นได้
ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า โดยเปรียบเทียบแล้ว จีนล้ำหน้าญี่ปุ่นอยู่มากในโครงการสาธารณูปโภค เนื่องจากที่ผ่านมา จีนเลือกลงทุนในประเทศเล็กๆ ที่ด้อยพัฒนาก่อน เพื่อดึงประเทศเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของจีน แทนที่จะไปเข้ากับสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น
ที่มา VOA Thai