ญี่ปุ่น ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมเคาะวันเลือกตั้ง

ญี่ปุ่นได้นายกคนใหม่
REUTERS/Issei Kato

ญี่ปุ่นได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ “ฟูมิโอะ คิชิดะ” พร้อมเคาะวันเลือกตั้งทั่วไป 31 ตุลาคมนี้ 

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 เกียวโดนิวส์ รายงานว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น พร้อมจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ที่มีภารกิจทั้งการควบคุมโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขณะเดียวกันเขาต้องพยายามกุมคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก่อนลงสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึง 1 เดือน

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับนายคิชิดะเผยว่า การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสภาที่ทรงอิทธิพลในรัฐสภา มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งนับว่าเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยก่อนหน้านี้คาดว่าจะมีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายน

นายคิชิดะ อายุ 64 ปี เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแทน นายโยชิฮิเดะ ซูงะ ที่ลาออกจากตำแหน่ง หลังขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงหนึ่งปี และถูกวิจารณ์ยับเรื่องการรับมือกับโควิด

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ประกอบด้วยสมาชิกหน้าใหม่จำนวนมาก โดยมี 13 คนที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก จากรัฐมนตรีทั้งหมด 20 คน ขณะที่นายทาโร่ อาโซะ หลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 9 ปี

สำหรับอายุโดยเฉลี่ยของรัฐมนตรีญี่ปุ่นชุดนี้นับว่าค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่ 61.8 ปี และมีผู้หญิงอยู่เพียง 3 คนเท่านั้น นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังประกอบด้วยบุคคลจำนวนมากที่มีความใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ และนายอาโซะ

ส่วนสองเก้าอี้ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งยังเป็นของ นายโทชิมิตสึ โมเทกิ และเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของนายโนบุโอะ คิชิ น้องชายของนายอาเบะ ขณะที่นายชุนิจิ ซูซูกิ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายอาโซะ ถูกโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโอลิมปิกไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายฮิโรคาสึ มัตสึโนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถูกโยกไปเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

“นี่คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ผมจะก้าวออกไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ด้วยปณิธานที่แน่วแน่” นายคิชิดะกล่าวกับผู้สื่อข่าวในช่วงเช้าที่สำนักงานใหญ่ของพรรครัฐบาลในกรุงโตเกียว ซึ่งเลือกให้เขาทำหน้าที่ผู้นำคนใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

หลังได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับเสียงข้างมากจากทั้งสองสภา นายคิชิดะจะเข้ารับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากจักรพรรดินารุฮิโตะที่พระราชวังอิมพีเรียล

แหล่งข่าวอาวุโสของพรรคเผยว่า นายคิชิดะวางแผนจะยุบสภาในวันที่ 14 ตุลาคม และเริ่มหาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งจะถือเป็นเวทีทดสอบแรกของเขา

ประชากรร้อยละ 60 ของญี่ปุ่นได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเริ่มลดลง ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนของนายคิชิดะคือการป้องกันการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการค่อย ๆ ยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดทางสังคมและธุรกิจ รวมถึงการกลับมาเปิดพรมแดนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง

นายคิชิดะให้คำมั่นว่าจะเพิ่มรายได้ให้กลุ่มชนชั้นกลาง และหยุดพักนโยบายเสรีนิยมใหม่ ซึ่งถูกนำมาใช้ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เพราะเขามองว่าเป็นนโยบายที่ทำให้เกิดการช่องว่างระหว่างสิ่งที่มีกับสิ่งที่ขาด

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามปรับปรุงแก้ไขนโยบายอาเบะโนมิกซ์ ซึ่งเป็นนโยบายที่ตกทอดมาตั้งแต่นายซูงะและนายอาเบะ ที่ช่วยยกระดับรายได้ของบริษัทและราคาหุ้น แต่ไม่ค่อยช่วยเรื่องการเพิ่มค่าจ้าง

นายคิชิดะยังให้คำมั่นด้วยว่าจะจัดทำแพ็กเกจเศรษฐกิจมูลค่าหลายล้านล้านเยนภายในปีนี้ เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากน้อยเพียงใดภายใต้การนำของนายคิชิดะ ซึ่งเป็นผู้เดินสายกลาง ที่เคยเรียกร้องให้มีการอภิปรายเพิ่มเติมว่าจะอนุญาตให้คู่สมรสใช้นามสกุลแยกกันได้หรือไม่ และเป็นผู้ที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรยอมรับให้การสมรสระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายหรือไม่

หลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2560 นายคิชิดะได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดเสรีและเปิดกว้างอินโด-แปซิฟิก และคาดว่าจะยังคงร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับการรุกรานที่เพิ่มขึ้นของจีน รวมถึงการเริ่มทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อเร็ว ๆ นี้

นายคิชิดะ ซึ่งเติบโตในครอบครัวนักการเมืองในฮิโรชิม่า ให้คำมั่นว่าจะผลักดันความพยายามในการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ ขณะเดียวกันก็โต้แย้งว่าญี่ปุ่นควรพิจารณาให้กองกำลังป้องกันตนเองสามารถโจมตีที่มั่นของศัตรูด้วยขีปนาวุธ

คณะรัฐมนตรีชุดนายคิชิดะหลายคนเป็นสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ ที่สนับสนุนเขาในการชิงตำแหน่งผู้นำ ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่นำโดยนายอาโซะ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นรองประธานพรรค ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มของนายอาเบะ ซึ่งเป็นอนุรักษ์นิยมที่แข็งกร้าว และมีอิทธิพลอย่างมาก

นายโคอิชิ ฮางิอุดะ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับนายอาเบะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์และอุตสาหกรรม ขณะที่นายไทชิฮิโระ ยามาจิวะ สมาชิกในกลุ่มของนายอาโซะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการคลัง

ส่วนผู้หญิงสามคนในคณะรัฐมนตรี ได้แก่ โนริโกะ โฮริอุจิ รัฐมนตรีกระทรวงวัคซีน, เซโกะ โนดะ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านความเท่าเทียมทางเพศและนโยบายเกี่ยวกับเด็ก และคาเรน มากิชิมะ รัฐมนตรีกระทรวงการปฏิรูปการบริหาร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในขณะ โดยเธอมีอายุเพียง 44 ปี

ด้าน นายทาคายูกิ โคบายาชิ ได้รับหน้าที่ใหม่ที่เน้นเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดูแลเรื่องมาตรการป้องกันการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากต่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีของนายซูงะลาออกเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ หลังบริหารประเทศได้ 384 วัน ซึ่งทำให้นายซูงะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดคนที่ 12 ช่วงยุคหลังสงคราม

การประกาศภาวะฉุกเฉินจากโควิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการสื่อสารเชิงนโยบายที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทำให้คณะรัฐมนตรีของเขามีคะแนนนิยมตกต่ำ ขณะที่การจัดโตเกียว โอลิมปิกส์ และการฉีดวัคซีน มีส่วนช่วยเรื่องคะแนนนิยมเพียงเล็กน้อย

การประชุมสภานัดพิเศษในช่วงบ่ายเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การลงคะแนนเสียงดำเนินเป็นพิธีเท่านั้น เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคแอลดีพีมีเสียงข้างมากในทั้งสองสภา

นายคิชิดะได้รับคะแนนเสียง 311 จาก 458 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร และ 141 จาก 241 เสียงจากสภาสูง

นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นกุญแจสำคัญของเขาในการหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่คล้ายกับนายซูงะ คาดว่าพรรคแอลดีพีและพันธมิตรจะเสียคะแนนข้างมากในสภาล่าง ส่วนฝ่ายค้าน อาจแย่งที่นั่งได้บางส่วน