ไบเดนไล่บี้ MBS คดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี ในการเจรจาล่าสุด แต่สหรัฐเองโดนย้อนปมอื้อฉาวที่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนที่สหรัฐทำไว้กับชาวมุสลิม
วันที่ 17 กรกฎาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานเนื้อหาการพบปะพูดคุยระหว่าง มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เมืองเจดดาห์ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ว่ามีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวอิสระและคอลัมนิสต์ชาวซาอุฯ ผู้เขียนบทความให้วอชิงตันโพสต์ สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐ เมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นประเด็นต้นๆ ในการเจรจา
เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอูด รมว.การต่างประเทศซาอุฯ เผยถึงการเจรจา ว่ามกุฎราชกุมารซาอุฯ หรือ MBS ปฏิเสธอีกครั้งว่าทรงไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารดังกล่าวที่เกิดขึ้นภายในสถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
เมื่อนายไบเดนกล่าวว่า อาศัยข้อสรุปจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐ จึงไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ ฝ่าย MBS จึงย้อนถึงกรณีที่ทหารอเมริกันเคยกระทำต่อนักโทษที่เรือนจำอาบูการิบในอิรัก ทั้งล่วงละเมิดทางทางเพศและทำร้ายร่างกาย รวมถึงกรณีนักข่าวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ถูกสังหารในเขตเวสต์แบงก์ ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้สหรัฐเสียชื่อเสียงเช่นกัน
“มกุฎราชกุมารตอบโต้ประธานาธิบดีไบเดนในเรื่องคาช็อกกีอย่างชัดเจน ว่าอาชญากรรมนี้ซึ่งเป็นเรื่องโชคร้ายและน่ารังเกียจ ทางราชอาณาจักรปฏิบัติต่อเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก ในวิถีทางเห็นอกเห็นใจในฐานะประเทศที่รับผิดชอบ” เจ้าชายฟาร์ฮานตรัสและว่า
“ประเด็นเหล่านี้มาจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศใดก็ได้ รวมถึงสหรัฐ มกุฎราชกุมารทรงระบุว่าสหรัฐเองก็มีความผิดพลาดที่ต้องทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งความผิดพลาดนั้นก็เหมือนกับที่ราชอาณาจักร (ซาอุฯ) เผชิญ”
เจ้าชายฟาร์ฮานเปิดเผยว่า การเจรจาเรื่องนี้มีรายละเอียดมากกว่าที่เป็นข่าว และเป็นการถกเถียงถึงหลักการด้วย
“มกุฎราชกุมารชี้ให้ประธานาธิบดีไบเดนเห็นว่า ราชอาณาจักรเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ บนพื้นฐานความเชื่อแบบมุสลิมและมรดกที่สืบทอดของอาหรับ ความพยายามที่จะใช้อุดมการณ์ของคุณหรือของคนอื่นนั้นไม่ได้ผล จะทำให้คุณเจอกับปฏิกิริยาด้านลบ ทางที่ถูกต้องคือคุณต้องแสดงให้โลกเห็นก่อนว่า คุณให้ความสำคัญกับหลักการนั้นและเคารพหลักการของคุณเอง”
“สุดท้ายแล้ว คุณไม่สามารถจะบังคับการใช้อุดมการณ์ของคุณได้ มกุฎราชกุมารย้ำกับนายไบเดนว่า เรามีหลักการของเราเอง อาจไม่ตรงกับหลักการของสหรัฐร้อยเปอร์เซนต์ เพราะเราภูมิใจกับประเพณี อุดมการณ์และความเชื่อของเรามาก” เจ้าชายฟาร์ฮานกล่าว
ขณะที่ อาเดล อัล-จูไบอี รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการระหว่างประเทศ ซาอุดีอาระเบีย ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นถึงเรื่องนี้เช่นกัน หลังการพบปะเจรจาที่เข้าร่วมด้วย
“กรณีคาช็อกกี เราสอบสวนและลงโทษเพื่อให้เป็นตัวอย่างว่าเรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก นี่คือสิ่งที่ประเทศเราทำ และเป็นสิ่งที่สหรัฐเองต้องทำเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นกรณีที่อาบูการิบ”
สำหรับคดีที่เรือนจำอาบู การิบ สถานที่ที่กองทัพสหรัฐเคยใช้กักกันชาวอิรักในช่วงต้นของสงครามอิรัก ปี 2546 ก่อนปิดในปี 2549 เคยเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกเมื่อปี 2547 เมื่อมีภาพหลุดออกมาให้เห็นนาทีทหารอเมริกันทำร้ายทารุณนักโทษอย่างเหยียดหยาม จากนั้นสหรัฐสอบสวนและลงโทษทหาร 11 นายที่เกี่ยวข้องในกรณีอื้อฉาวนี้
ส่วนคดีนักข่าวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ สังกัดสำนักข่าวอัลจาซีรา ชื่อ อาบู อัคเลห์ ผู้เป็นที่รู้จักว่ารายงานข่าวชาวปาเลสไตน์ในเขตปกครองของอิสราเอลมานานนับสิบปี ถูกทหารอิสราเอล ยิงสังหารในเมืองเจนิน เขตเวสต์แบงก์ ทั้งที่ติดป้าย “สื่อมวลชน” ชัดเจน
เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์และครอบครัวของอัคเลห์ วิจารณ์ถึงการสอบสวนของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐดำเนินการมากกว่านี้ เพื่อนำตัวชาวอิสราเอลที่เป็นผู้สังหารมาลงโทษ
นายไบเดนยืนยันว่า สหรัฐดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่และโปร่งใส โดยระบุว่าความตายของอาบู อัคเลห์ เป็นความสูญเสียอันมหาศาล และตัวเขาเองยืนเคียงข้างกับประธานาธิบดี มามู้ด อับบาส ในนครเบธเลเฮม
“ผมหวังว่าตำนานของเธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อีกมากสานงานต่อจากเธอในแง่การรายงานความจริง และบอกเล่าเรื่องราวที่ถูกมองข้ามเสมอ ส่วนสหรัฐจะจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่และโปร่งใส และจะยืนหยัดปกป้องเสรีภาพสื่อทุกสถานที่ในโลก” นายไบเดนกล่าวระหว่างการเจรจา
….