หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเกิดความสงสัยถึงชะตากรรมของสุนัขทรงเลี้ยงพันธุ์คอร์กี้อันเป็นที่รักของพระองค์
ล่าสุด มีข่าวว่าเจ้าชายแอนดรูว์ พระโอรสของพระองค์ และซาราห์ ดัสเชสแห่งยอร์ก อดีตพระชายา จะทรงรับเจ้ามิค และแซนดี สุนัขทรงเลี้ยงที่เหลือ 2 ตัวไปเลี้ยง
สมเด็จพระราชินีนาถทรงมีความรักและความผูกพันกับสุนัขขาสั้นตัวป้อมอย่างคอร์กี้มาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ และนี่คือเรื่องราวของพระองค์กับสุนัขพันธุ์โปรด
วันหนึ่งในปี 1959 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมพรรษา 32 พรรษา และมีพระราชโอรสธิดา 2 พระองค์ ทรงวางมือจากการทรงงานหลวงชั่วคราว เพื่อออกแบบป้ายหลุมศพสุนัขทรงเลี้ยงตัวโปรด
ซูซาน เป็นสุนัขพันธุ์เพมบรูกเวลช์คอร์กี้ (Pembroke Welsh Corgi) ที่สมเด็จพระราชินีนาถทรงได้รับเป็นของขวัญเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 18 ซึ่งในอีกไม่กี่ปีต่อมาเจ้าซูซานได้กลายเป็นสหายสี่ขาคู่ใจที่ติดตามพระองค์ไปทุกหนแห่ง ทั้งในระหว่างที่ทรงไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ หรือแม้แต่ทรงแอบซุกซ่อนมันไว้ใต้พรมในราชรถที่ประทับหลังจากเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิป
สมเด็จพระราชินีนาถทรงเขียนบันทึกถึงการสูญเสียสุนัขทรงเลี้ยงตัวโปรดเอาไว้ว่า “ข้าพเจ้ามีความกลัวอยู่เสมอที่จะสูญเสียมันไป แต่ข้าพเจ้าก็ดีใจที่ความเจ็บปวดทรมานของมันเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก”
ซูซานไม่ใช่สุนัขที่เป็นมิตรกับทุกคน และมีประวัติเคยกัดเจ้าพนักงานไขลานนาฬิกา รวมทั้งทหารองครักษ์ประจำพระราชวัง เมื่อตายลง มันถูกฝังไว้ที่สุสานสัตว์เลี้ยงที่พระตำหนักซานดริงแฮม ที่สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
จุดจบของสุนัขพันธุ์เพมบรูกเวลช์คอร์กี้ตัวนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของความรักอันไม่เสื่อมคลายที่สมเด็จพระราชินีนาถทรงมีต่อสุนัขพันธุ์นี้
ตลอดช่วง 6 ทศวรรษต่อมา พระองค์ทรงเลี้ยงสุนัขคอร์กี้กว่า 30 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของเจ้าซูซาน และนี่ทำให้สุนัขต้อนปศุสัตว์ที่มีต้นกำเนิดในเวลส์พันธุ์นี้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากสังคม อีกทั้งยังทำให้เกิดสุนัขชนิดใหม่ที่เรียกว่า “ดอร์กี” (dorgi) โดยบังเอิญ จากการผสมพันธุ์กันระหว่างสุนัขคอร์กี้ของพระองค์กับสุนัขพันธุ์ดัชชุนของเจ้าหญิงมาร์กาเรต พระขนิษฐา ที่มีชื่อว่า “พิปกิน”
เหตุใดสมเด็จพระราชินีนาถจึงโปรดปรานสุนัขคอร์กี้เป็นพิเศษ คำตอบของเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1933 ซึ่งขณะนั้นเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระชันษา 7 ปีทรงเห็นพระสหายของพระบิดาและพระมารดาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้จึงทรงอยากเลี้ยงตาม
ในยุคนั้นเพมบรูกคอร์กี้ เป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองที่พบเห็นได้ทั่วไปในเวลส์ แต่ยังไม่ค่อยมีให้เห็นในอังกฤษ พระบิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงติดต่อผู้เพาะพันธุ์ชื่อดังที่ชื่อว่า เทลมา เกรย์ ซึ่งได้นำลูกสุนัขจากฟาร์มโรซาเวล ในมณฑลเซอร์รีย์มาให้ทรงเลือก 3 ตัว
ดยุคแห่งยอร์ก (พระยศขณะนั้น) และครอบครัวตัดสินใจเลือกสุนัขเพศผู้ตัวหนึ่งที่มีชื่อเต็มว่า “โรซาเวล โกลเดน อีเกิล” เพราะมันเป็นเพียงตัวเดียวที่มีหางสั้น ๆ ที่เจ้าของอยากเห็นเวลามันดีใจจากหางที่กระดิก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเรียกชื่อเต็มของเจ้าตูบตัวนี้ แต่ตั้งชื่อเล่นให้มันว่า “ดูกี้” (Dookie) เนื่องจากพนักงานในฟาร์มได้ทราบว่าดยุคแห่งยอร์กคือเจ้าของคนใหม่ของมัน
เจ้าดูกี้มีนิสัยตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาที่แสนน่ารักของมัน เพราะมีข่าวว่ามันชอบกัดเหล่าข้าราชสำนัก และแขกที่ถูกปล่อยไว้ตามลำพัง แต่นั่นก็ไม่ทำให้สื่อมวลชนหยุดตีพิมพ์ภาพที่น่าเอ็นดูของเจ้าหญิงเอลิซาเบธกับเจ้าตูบตัวนี้ และเริ่มทำให้คอร์กี้เป็นที่รู้จักในอังกฤษ
ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ครอบครัวยอร์กก็รับ “เลดี้ เจน” สุนัขคอร์กี้อีกตัวมาเลี้ยงจากผู้เพาะพันธุ์เจ้าเดิม จากนั้นช่วงเทศกาลคริสต์มาสในปี 1936 มีการตีพิมพ์หนังสือเด็กเรื่อง Our Princesses and Their Dogs ซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จของราชวงศ์อังกฤษ เพราะเนื้อหาในหนังสือบอกเล่าเรื่องราวของสมาชิกครอบครัวยอร์กกับเหล่าสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต่างไปจาก “ครอบครัวคนธรรมดาสามัญครอบครัวหนึ่ง”
ในหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยภาพถ่ายสุนัขทรงเลี้ยง และค่านิยมที่ให้ความสำคัญต่อครอบครัว โดยวางจำหน่ายเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 จะสละราชสมบัติ และทำให้ดยุคแห่งยอร์กทรงก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร
ที่ผ่านมา พระราชวังบักกิงแฮมมักไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระราชินีนาถ เพราะมองว่าเป็น “เรื่องส่วนพระองค์” แต่ก็ชัดเจนว่าราชสำนักเล็งเห็นถึงการใช้ “อำนาจอ่อน” ของเรื่องนี้ในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อราชวงศ์
กระแสนิยมในสุนัขคอร์กี้ทำให้ตัวเลขผู้ลงทะเบียนเป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้พุ่งสูงขึ้นอย่างเด่นชัดในปี 1936 และปี 1944 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทรงได้รับพระราชทานซูซานเป็นสัตว์เลี้ยงส่วนพระองค์ จึงอาจพูดได้ว่าทรงทำให้สุนัขขาสั้นตัวป้อมพันธุ์นี้กลายเป็นที่นิยม ขณะเดียวกันพวกมันก็ทำให้พระองค์มีภาพลักษณ์ที่แสนอบอุ่นด้วย
เคียรา ฟาร์เรลล์ จาก The Kennel Club สโมสรผู้เลี้ยงและเพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหราชอาณาจักร ชี้ว่า กระแสนิยมดังกล่าวไม่ต่างไปจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากภาพยนตร์และการ์ตูนเรื่อง 101 Dalmatians หรือแม้แต่กระแสความนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์โอลด์อิงลิชชีปด็อก (old English sheepdog) ที่เกิดจากโฆษณาสีดูลักซ์ในยุค 70 และ 80
เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงรักและผูกพันกับซูซานอย่างมาก พระองค์ทรงติดต่อผู้เพาะเลี้ยงรายเดิมให้จัดหาคู่ครองของเจ้าตูบตัวนี้ และได้สุนัขเพศผู้ที่ชื่อ “โรซาเวล ลักกี สไตรก์” มาเป็นพ่อพันธุ์ให้สุนัขคอร์กี้ทรงเลี้ยงที่มีมากถึง 14 รุ่น
นอกจากความโปรดปรานส่วนพระองค์แล้ว สุนัขคอร์กี้ยังเปรียบเสมือนสายใยที่เชื่อมโยงพระองค์กับสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดา อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความสบายใจ
ในขณะที่เราคุ้นตากับภาพที่เจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีทรงพระดำเนินอยู่เบื้องหลังสมเด็จพระราชินีนาถ แต่เหล่าคอร์กี้กลับเดิมดุ่ม ๆ นำหน้าพระองค์อยู่เสมอ
ว่ากันว่า เจ้าหญิงไดอานา ทรงมีถ้อยคำเฉพาะไว้เรียกพฤติกรรมดังกล่าวของสุนัขคอร์กี้ทรงเลี้ยงว่า “พรมเดินได้” เพื่อบรรยายฝูงสุนัขที่คอยเดินนำหน้าสมเด็จพระราชินีนาถ
แต่สำหรับสมเด็จพระราชินีนาถแล้ว ทรงเรียกสุนัขทรงเลี้ยงเหล่านี้ด้วยความรักว่า “พวกเด็กหญิง” และ “พวกเด็กชาย” ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระองค์ทรงไม่เคยขายสุนัขที่เพาะพันธุ์ขึ้นมาให้แก่ผู้อื่น สุนัขทั้งหมดต่างอยู่กับพระองค์ หรือไม่ก็พระราชทานให้ผู้ต้องการเพาะพันธุ์ เหล่าพระญาติ หรือพระสหายสนิท
ไม่ว่าสมเด็จพระราชินีนาถจะประทับอยู่ที่พระราชวังหรือพระตำหนักใด ก็จะมีสุนัขคอร์กี้ติดตามไปด้วยทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟ เฮลิคอปเตอร์ หรือรถลีมูซีน
ในช่วงคริสต์มาส สุนัขแต่ละตัวจะมีถุงเท้าไว้ใส่ของขวัญ ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถทรงเป็นผู้นำของขวัญไปใส่ให้ด้วยพระองค์เอง
แม้พระราชวังบักกิงแฮมมีห้องถึง 775 ห้อง แต่สุนัขคอร์กี้มักนอนอยู่ในบริเวณที่ประทับส่วนพระองค์เสมอ นอกจากนี้ การจูงสุนัขออกไปเดินเล่นยังเป็นกิจวัตรที่ทรงทำเป็นประจำทุกวัน ก่อนจะทรงมีปัญหาเรื่องการเดินในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของพระชนมชีพ
เพนนี จูเนอร์ นักเขียนเรื่องราวในราชสำนักเชื่อว่า สิ่งที่สุนัขเหล่านี้มอบให้สมเด็จพระราชินีนาถนั้นมีมากกว่าความสุขใจ แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยเชื่อมโยงพระองค์กับผู้คนมากมาย
เธอชี้ว่า สมเด็จพระราชินีนาถทรงมีความหลงใหลในสุนัขและม้า แต่ม้าคือสัตว์เลี้ยงของคนรวย ดังนั้นสุนัขจึงเป็นสื่อกลางที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างพระองค์กับประชาชนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
ตลอดช่วงเวลาระหว่างปี 1933 – 2018 สมเด็จพระราชินีนาถทรงมีสุนัขทรงเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 1 ตัวเสมอ ในขณะที่เจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีนั้น ไม่เคยมีความชื่นชอบแบบเดียวกัน และครั้งหนึ่งทรงเคยบ่นว่า “เจ้าพวกหมาบ้า! ทำไมต้องเลี้ยงเอาไว้มากมายขนาดนี้ด้วย”
เมื่อสุนัขพันธุ์ดัชชุนชื่อ “พิปกิน” ที่เจ้าหญิงมาร์กาเรตทรงเลี้ยงเกิดผสมพันธุ์กับสุนัขคอร์กี้ที่ชื่อ “ไทนี่” ของสมเด็จพระราชินีนาถ ก็เกิดสุนัขลูกผสมที่เรียกว่า “ดอร์กี” ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงหลงรัก จนทำให้มีสุนัขลักษณะนี้เกิดตามมาอีกประมาณ 10 ตัว
ดอร์กี มีลักษณะแตกต่างกันออกไป บางตัวมีหูตั้งเหมือนสุนัขคอร์กี้ แต่บางตัวก็มีหูห้อยลงมา แต่ทั้งหมดมีหางยาว และขนาดตัวเล็กกว่าสุนัขคอร์กี้สายพันธุ์แท้
ความรักในสุนัขทำให้บางครั้ง สมเด็จพระราชินีนาถทรงรับเลี้ยงสุนัขที่เจ้าของเสียชีวิต โดยครั้งหนึ่งทรงรับเลี้ยงสุนัขคอร์กี้ 3 ตัวของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี ที่สิ้นพระชนม์ในปี 2002 นิตยสารแวนิตี แฟร์ ระบุว่า ตอนที่สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จไปทอดพระเนตรพระศพพระราชมารดาที่ตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ ทรงรับเอาสุนัขของพระราชมารดามาเลี้ยงในทันที
นอกจากนี้ยังทรงเคยรับเลี้ยงสุนัขของพระสหายที่เคยช่วยพระองค์เพาะพันธุ์สุนัขคอร์กี้ด้วย
การเพาะพันธุ์สุนัขในราชสำนักได้ยุติลงเมื่อหลายสิบปีก่อน เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถไม่ต้องการทอดทิ้งสุนัขรุ่นเยาว์เอาไว้เบื้องหลังเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต
เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ภาพพระองค์กับเจ้า “แคนดี” ซึ่งเป็นดอร์กีที่ยังเหลืออยู่ รวมทั้งยังทรงเลี้ยงสุนัขคอร์กี้รุ่นเยาว์ 2 ตัวที่ชื่อมิก และแซนดี ซึ่งเป็นของขวัญจากเจ้าชายแอนดรูว์และพระธิดา
หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถสวรรคต เจ้าชายแอนดรูว์จะทรงรับสุนัขทั้งสองกลับไปเลี้ยง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าแคนดีจะตามไปอยู่ด้วยกันหรือไม่
สมเด็จพระราชินีนาถมักทรงใช้สุนัขเป็นเครื่องมือช่วยบรรเทาความไม่สบายพระทัย เช่นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ลักษณะนี้ก็จะทรงเดินหนีออกมา แล้วพาสุนัขออกไปเดินเล่นข้างนอก ว่ากันว่าเจ้าชายแอนดรูว์ทรงใช้เวลาถึง 3 สัปดาห์กว่าที่จะฝ่าด่านนี้ได้ เพื่อเข้าไปกราบบังคมทูลเรื่องที่พระองค์จะหย่าขาดจากซาราห์ พระชายา
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีนาถยังทรงใช้สุนัขช่วยเยียวยาจิตใจให้ผู้อื่นด้วย นพ.เดวิด น็อตต์ ศัลยแพทย์ทหารที่เคยไปปฏิบัติภารกิจในซีเรียเล่าว่า ทรงใช้สุนัขช่วยให้เขาผ่อนคลาย หลังจากประสบภาวะเครียดรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สะเทือนใจ (Post-traumatic Stress Disorder หรือ PTSD) จนไม่สามารถสนทนากับพระองค์ได้ในระหว่างร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่พระราชวังบักกิงแฮม
นพ. น็อตต์ เล่าว่าดูเหมือนสมเด็จพระราชินีนาถจะทรงรับรู้ถึงความผิดปกติของเขาได้ จึงตรัสว่า “ให้ข้าพเจ้าช่วยไหม” ก่อนที่จะทรงเรียกสุนัขคอร์กี้เข้ามา
“เมื่อมหาดเล็กพาสุนัขเข้ามา พวกมันก็วิ่งกรูไปที่ใต้โต๊ะ” จากนั้นสมเด็จพระราชินีนาถทรงเปิดกระป๋องบิสกิตออก “แล้วพระองค์กับผมก็ป้อนบิสกิตให้สุนัขด้วยกันอยู่ 20 นาที พระองค์ทำเช่นนั้นเพราะทรงรู้ว่าผมมีความบอบช้ำทางจิตใจมากขนาดไหน” เขาเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถทรงมีพระชนมชีพที่ยืนยาว หลายคนจึงมองว่าคอร์กี้เป็นสุนัขสำหรับคนแก่ นี่จึงทำให้ความนิยมในสุนัขพันธุ์นี้เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 1990 และในปี 2014 ที่มีผู้จดทะเบียนเลี้ยงคอร์กี้รายใหม่เพียง 274 ตัว
ทว่ากระแสความนิยมเลี้ยงคอร์กี้ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์เรื่อง “เดอะ คราวน์” (The Crown) ออกอากาศซีซันแรกในปี 2016 ทำให้คนหนุ่มสาวหันมาเลี้ยงสุนัขที่เป็นสัญลักษณ์ของควีนกันมากขึ้น และช่วยให้คอร์กี้พ้นสถานะสุนัขที่เสี่ยงสูญพันธุ์
แม้ว่ารัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะสิ้นสุดลงแล้ว และแม้ว่ากษัตริย์พระองค์ใหม่จะเคยตรัสว่าทรงโปรดสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์มากกว่า อีกทั้งทรงเลี้ยงสุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ มาเป็นเวลานาน แต่หลายคนหวังว่ากระแสความนิยมในสุนัขคอร์กี้จะไม่จางหายไป
เคียรา ฟาร์เรลล์ จาก The Kennel Club กล่าวว่า “คอร์กี้มีความก้าวหน้ามากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” และเธอเชื่อว่า สุนัขพันธุ์นี้จะยังคงได้รับความนิยมต่อไปจากคนรุ่นใหม่ที่มองว่าพวกมันมีความน่ารักและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ทุกภาพมีลิขสิทธิ์
….
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว