- มาร์ก เออร์บัน
- บรรณาธิการข่าวกลาโหมและการทูต นิวส์ไนต์
กรมทหารพลร่มที่ 331 หนึ่งในกองกำลังที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ของรัสเซีย เดินทางกลับเข้าไปในยูเครนอีกครั้ง หลังสูญเสียกำลังพลจำนวนมากในช่วงเริ่มต้นสงคราม ขณะที่สื่อทางการรายงานถึงความกล้าหาญของหน่วยทหารนี้ แต่การสนับสนุนทหารหน่วยนี้ในเมืองที่ตั้งฐานทัพของพวกเขาเองดูจะไม่มากนัก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ในสมรภูมิที่ภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ยานยนต์หุ้มเกราะคันหนึ่งกำลังเร่งขนส่งผู้บาดเจ็บสาหัสหลายคนไปยังโรงพยาบาลสนาม “รถถัง [ของยูเครน] ยิงใส่พวกเรา” หนึ่งในทหารพลร่มของรัสเซีย อธิบาย ขณะกำลังทำแผล “…ตอนแรกยิงใส่ใกล้ ๆ กับเรา จากนั้นก็ยิงตรงมาที่เรา“
หากย้อนไปช่วงต้นเดือน มิ.ย. ภาพนองเลือดในสงครามเหล่านี้มักไม่ค่อยปรากฏอยู่ในช่องรอสซิยาของทางการรัสเซีย การรับรู้ของชาวรัสเซียถึงความสูญเสียของกองทัพก็กำลังลดน้อยลง นอกจากนี้ ก็มีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนจากภาพเหตุการณ์นองเลือดเหล่านี้อย่างอื่นด้วย
บรรดาทหารที่มีการเปิดเผยชื่อว่า “เสียชีวิต” บนโซเชียลมีเดียของรัสเซีย เป็นสมาชิกของกรมทหารพลร่มอารักขาที่ 331 (331st Guards Parachute regiment) หน่วยทหารที่เคยปรากฏอยู่ในรายงานของ BBC ในช่วงต้นเดือน เม.ย.
ในเดือน มี.ค. หน่วยทหารหน่วยนี้ ซึ่งประจำการอยู่ในเมืองคอสโทรมา ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 300 กิโลเมตร จนถึงช่วงก่อนที่จะรุกรานยูเครนไม่นาน หน่วยทหารได้สูญเสียกำลังพลจำนวนมากระหว่างการบุกกรุงเคียฟ ในช่วงที่มีการสู้รบระหว่าง 11-14 มี.ค. ก่อนที่ปฏิบัติการจะถูกยกเลิกไป หลังฝ่ายยูเครนใช้ปืนใหญ่โจมตีพวกเขาอย่างหนัก ขณะพยายามจะบุกเข้าไปในเมืองบูชา ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุอาชญากรรมที่น่าสยดสยองต่อพลเรือนในพื้นที่
ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบในช่วงกลางเดือน มี.ค. รวมถึง พันเอกเซอร์ไก ซูคาเรฟ ผู้บัญชาการกรมทหารพลร่มที่ 331 ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าหน้าที่และกำลังพลอีกหลายสิบนาย
ทหารหลายนายถูกขึ้นบัญชีว่า “สูญหาย” จากการเสียชีวิตในหลายเหตุการณ์ อย่างการระเบิดของยานยนต์หุ้มเกราะ ทำให้ไม่สามารถหาศพพวกเขาได้ กำแพงอนุสรณ์สถานบนโซเชียลมีเดียที่คล้ายเฟซบุ๊กของรัสเซียที่ชื่อว่า คอนทักเต (V’Kontakte) ได้เปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว ขณะเดียวกันประชาชนก็แสดงความเจ็บปวดต่อเรื่องนี้
วีรบุรุษ… หรือเหยื่อ?
จากการสังเกตการณ์ของสื่อท้องถิ่นในเมืองคอสโทรมา หลังเกิดการสูญเสียในช่วงเริ่มต้นสงคราม ดูเหมือนว่า ทางการรัสเซียเริ่มกังวลเกี่ยวกับการปิดหูปิดตาประชาชนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับหน่วยทหารที่ 331 โดยในเดือน พ.ค. ทางการรัสเซียส่งอดีตเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับทหารพลร่มที่เดินทางกลับจากยูเครน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทางช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นช่องหนึ่ง
“เราต้องการเห็นด้วยตัวเอง” พันเอกนิโคไล มายอรอฟ ผู้บัญชาการที่เกษียณไปแล้วของกรมทหารพลร่มนี้ กล่าวกับผู้สัมภาษณ์ “เราเชื่อว่า ขวัญกำลังใจของพวกเขายังดีอยู่“
มายอรอฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า “พวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ พวกเขารู้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น” ราวกับว่าต้องการตอบคำถามผู้ที่สับสนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสงครามนี้
พิธีที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า มีการตั้งชื่อถนนสายหนึ่งตามชื่อของพันเอกซูคาเรฟ โรงเรียนแห่งหนึ่งได้จัดการรำลึกถึงดานิล ทูราโปฟ พลร่มที่เสียชีวิตในการสู้รบเดียวกันนี้ หรือบรรดาผู้เรี่ยไรเงินส่งความช่วยเหลือไปให้แก่เหล่าทหาร บรรดาญาติของทหารเหล่านี้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นร่วมกัน แต่สำหรับในหมู่ผู้คนในสังคมดูเหมือนจะไม่มากเท่า
วิดีโอจากคอนเสิร์ตที่ครอบครัวของสมาชิกกรมทหารพลร่มที่ 331 นำมาเผยแพร่ ในโอกาสวันแห่งชัยชนะประจำปีเมื่อวันที่ 9 พ.ค. เผยให้เห็นการแสดงขับร้องเพลงรักชาติอย่างฮึกเหิมที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองคอสโทรมา แต่ภาพมุมกว้างกลับเผยให้เห็นว่า แทบจะไม่มีใครชมการแสดงนี้เลย
นอกจากนี้ชาวเมืองยังแสดงความไม่แน่ใจ หรือแม้แต่ความเป็นปฏิปักษ์ต่อสงครามในยูเครนนี้ขึ้นด้วย
ชาวเมืองคอสโทรมาคนหนึ่ง ซึ่งได้สำรวจปฏิกิริยาของผู้คนต่อการสูญเสียต่าง ๆ ในยูเครนของเมืองนี้ กล่าวว่า “ผม (ฉัน) รู้สึกเสียใจต่อเด็กหนุ่มแต่ละคนเหล่านี้ แต่ผม (ฉัน) ไม่เห็นว่า พวกเขาเห็นวีรบุรุษ ผม (ฉัน) เห็นว่า พวกเขาคือเหยื่อ“
ถอยทัพ แล้วก็กลับไปสู้รบอีก
จากการรายงานข่าวของรัสเซียและแหล่งข่าวอื่น ๆ การตรวจสอบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับทหารพลร่มเหล่านี้มีความเป็นไปได้ ย้อนรอยจากที่พวกเขาเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟและเผชิญกับจุดจบที่เลวร้าย กรมทหารพลร่มที่ 331 ไม่ต่างจากทหารรัสเซียอื่น ๆ อีกหลายหมื่นนายที่อยู่ทางตอนเหนือของยูเครน พวกเขาถูกสั่งให้กลับเข้าไปในเบลารุส ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.
ช่วงต้นเดือน เม.ย. มีการถ่ายคลิปยานพาหนะของพวกเขากำลังถูกขนขึ้นขบวนรถไฟขนส่งที่เมืองบารานอวิชี ของเบลารุส ซึ่งต้องเดินทางราว 1,000 กิโลเมตรจากเมืองนั้นไปยังเมืองเบลโกรอดของรัสเซียที่อยู่ติดกับพรมแดนทางตะวันออกของยูเครน นี่คือส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแผนการสู้รบไปยังดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน
หลังได้พักผ่อนระยะหนึ่งที่นั่น กรมทหารพลร่มที่ 331 ปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างการสู้รบในเดือน เม.ย. ใกล้กับเมืองอิซูม ทางตะวันออกของยูเครน แต่หลังผ่านไปหลายสัปดาห์โดยไม่มีการล้มตายใหม่เกิดขึ้น เราก็เริ่มเห็นรายชื่อผู้เสียชีวิตรายใหม่บนกำแพงไว้อาลัยทางโซเชียลมีเดียของรัสเซียอีกครั้ง
แต่ในช่วงปลายเดือน พ.ค. รัสเซียได้เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับบริเวณที่อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโปปาสนาราว 100 กิโลเมตร ซึ่งกองกำลังที่กำลังเดินหน้าบุกได้เริ่มต่อสู้กับฝ่ายยูเครนที่ต้านทานอยู่
การสู้รบในมุมนั้นของภูมิภาคลูฮันสก์ดุเดือดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ และกรมทหารพลร่มที่ 331 ก็ได้กลับมาร่วมปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งได้ปรากฏภาพของทหารหน่วยนี้ผ่านทางช่องรอสซิยา สื่อที่ทางการรัสเซียควบคุมด้วย
ยานพาหนะที่ใช้ในการสู้รบทางอากาศ หรือที่ใช้ตัวย่อภาษารัสเซียว่า BMD ที่ปรากฏอยู่ในคลิป มีสัญลักษณ์และตัวอักษรหลายตัวติดอยู่เต็มไปหมด สื่อความหมายถึงหน่วยทหาร 331 และประสบการณ์อันโหดร้ายที่พวกเขาเผชิญร่วมกัน
ทหารที่เดินหน้าบุกไปยังกรุงเคียฟจะใช้สีเขียนคำว่า V ที่ด้านข้างของยานพาหนะ และกรมทหารพลร่มในเมืองคอสโทรมาใช้สีทำสัญลักษณ์เพิ่มอีกหนึ่งขีด ทำให้เป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัว คล้ายกับเครื่องหมายตกใจ ซึ่งเป็นเครื่องหมายมาตรฐานและหมายเลขที่มีการจัดเรียง 3 หลัก โดยมีการทำเครื่องหมายบน BMD ว่า ถูกขนขึ้นขบวนรถไฟขนส่งสินค้า หลังจากกลับสู่เบลารุสปลายเดือน มี.ค.
แต่บรรดาทหารเหล่านี้ได้เพิ่มขีดเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และบางทีเจ้าหน้าที่ก็ยอมให้ทำ เพราะคิดว่า อาจช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจของทหาร หนึ่งในยานพาหนะที่ใช้ในการสู้รบเช่นเดียวกันนี้ ที่เราพบเห็นบนขบวนรถไฟขนส่งสินค้าช่วงต้นเดือน เม.ย. ในเบลารุส ในเดือนนี้ในลูฮันสก์ มีตัวอักษร “Z” เขียนอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่รัฐบาลรัสเซียชอบใช้ในสงคราม นอกจากนี้ยังมีคำว่า “คอสโทรมา” และ “เพื่อนที่ต่อสู้” ติดอยู่ที่ด้านข้างด้วย ด้านบนของสัญลักษณ์อื่น ๆ สีเขียวที่มีอยู่เดิมแทบจะหายไปหมด
การสูญเสีย…มากกว่าที่ปรากฏ
ขณะที่มีการสูญเสียชีวิตผู้คนในสงครามที่ยืดเยื้อนี้ ยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ได้รับการตรวจสอบแล้วของกรมทหารพลร่มนี้ ได้เพิ่มขึ้นจาก 39 นาย ช่วงต้นเดือน เม.ย. มาอยู่ที่ 62 นายในปัจจุบัน
เมื่อพิจารณาถึงตัวเลขของทหารที่สูญหายและรายชื่อบางคนที่ไม่มีการเผยแพร่ คาดการณ์ได้ว่าตัวเลขการสูญเสียที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ และอาจจะสูงถึง 120 นาย เมื่อรวมกับตัวเลขผู้บาดเจ็บที่อยู่ในสัดส่วน 3 คนต่อ ผู้เสียชีวิต 1 คน ดังนั้น คำนวณได้ว่าตัวเลขทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมดของหน่วยนี้น่าจะอยู่ที่ 400-500 นาย นั่นคือราว ๆ ครึ่งหนึ่งของกรมทหารพลร่มที่ 331 ในช่วงที่เดินทางบุกเข้ายูเครนในช่วง ก.พ.
ผลกระทบต่อเมืองคอสโทรมาสูงกว่านี้อีก เพราะกรมทหารปืนใหญ่สนามทางอากาศที่ 1065 (1065th Airborne Artillery regiment) ก็มาจากเมืองนี้เช่นกัน ทหารหน่วยนี้ได้ร่วมรบเคียงข้างกับหน่วย 331 ในยูเครน และสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก
สื่อท้องถิ่นได้ตรวจสอบพบว่า มีทหารจากเมืองคอสโทรมาเสียชีวิตแล้ว 80 นาย ในช่วงหลายเดือนนับแต่ปลายเดือน ก.พ. ขณะที่จำนวนทหารของสหภาพโซเวียตที่เสียชีวิตทั้งหมดจากสงครามอัฟกานิสถานนาน 9 ปีอยู่ที่ 56 นายเท่านั้น
รายงานเพิ่มเติมโดย มาเรีย เจฟสตาฟเจวา
………..
ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว