ลดก๊าซเรือนกระจกในอุตฯสิ่งทอ ด้วยนวัตกรรมเส้นใยคาร์บอนต่ำ

อุตฯสิ่งทอ
คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิด
ผู้เขียน : อติกานต์ แสงวัณณ์ 
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC)

อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก โดยปล่อยมากถึง 2-8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ทั้งนี้ หากมองภาพการผลิตตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน จะพบว่าการผลิตขั้นต้นน้ำอย่างเส้นใยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 241 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 24% ของทั้งอุตสาหกรรม (ข้อมูลจาก World Resource Institute 2021) ดังนั้น การผลิตเส้นใยให้มีความยั่งยืนมากขึ้นจึงเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonize) ของอุตสาหกรรมสิ่งทอ

โดยตัวการหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตเส้นใยนั้น มาจากการผลิตเส้นใยพอลิเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic Polymer Fibers) จากปิโตรเลียม ซึ่งเป็นเส้นใยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดถึง 69% ของความต้องการใช้เส้นใยทั้งหมด เนื่องจากมีคุณสมบัติบางประการที่เหนือกว่าเส้นใยประเภทอื่น เช่น ความทนทาน ความยืดหยุ่น หรือคุณสมบัติในการกันน้ำ ทำให้เส้นใยชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม และเป็นที่นิยมมากกว่า

แต่เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องลดคาร์บอนจากการผลิตเส้นใย การใช้เส้นใยแบบยั่งยืน หรือเส้นใยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการผลิตแบบดั้งเดิมจึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อเข้ามาทดแทน Synthetic Polymer Fibers ที่มีความต้องการใช้และปล่อยคาร์บอนในปริมาณมาก

อย่างไรก็ดี BCG และ Textile Exchange ได้ประเมินว่าในปี 2030 หากทั่วโลกเปลี่ยนมาใช้เส้นใยแบบยั่งยืนทั้งหมด จะส่งผลให้มีอุปสงค์เส้นใยส่วนเกินกว่า 133 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณการผลิตเส้นใยแบบยั่งยืนที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถทดแทน Synthetic Polymer Fibers ได้ทั้งหมด นอกจากในเชิงปริมาณแล้ว การใช้เส้นใยธรรมชาติแบบยั่งยืนนั้นยังไม่สามารถทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ประเภทนี้ในเชิงคุณภาพด้วย

ลดก๊าซเรือนกระจก สิ่งทอ

ส่วนการเพิ่มเส้นใยรีไซเคิลจากการรีไซเคิลวัสดุอื่น (เช่นจากขวด PET) เสี่ยงที่จะประสบปัญหาเรื่องคุณภาพเส้นใยที่ไม่คงที่ ขณะที่เส้นใยรีไซเคิลจากการรีไซเคิลเศษผ้ายังคงเผชิญขีดจำกัดจากการเฟ้นหาและคัดแยกวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ส่งผลให้ในการ Decarbonize อุตสาหกรรมสิ่งทอจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาทางออกในการผลิตเส้นใยที่มีความยั่งยืนและมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับ Synthetic Polymer Fibers เพิ่มเติม

ในปัจจุบันภาคธุรกิจบางส่วนได้มีการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเส้นใยพอลิเมอร์สังเคราะห์คาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Synthetic Polymer Fibers) จากวัตถุดิบที่มีความยั่งยืนและมีคุณสมบัติที่เทียบเท่า (Drop-in Quality) เส้นใยจากปิโตรเลียม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีลดคาร์บอน (Carbon Mitigation) หรือต่อยอดกลยุทธ์ในการปรับตัวต่อ Energy Transition ของธุรกิจ

ตัวอย่างเช่น 1) จากวัตถุดิบชีวมวล (Biobased/Biosynthetics) โดยล่าสุดบริษัทเคมีภัณฑ์อย่าง BASF ได้ร่วมมือกับ Qore ซึ่งเป็นหนึ่งใน Joint Venture ของบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรอย่าง Cargill ในการผลิตและจัดหาวัตถุดิบทดแทน Feedstock จากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่าง Renewable 1, 4-butanebiol ที่ผลิตจากการหมักพืชประเภทแป้งและน้ำตาล เพื่อนำไปผลิตเส้นใย Spandex

และ 2) จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อย ดักจับ และกักเก็บมาจากภาคอุตสาหกรรม (CO2-Based) ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเส้นใย Polyester โดยบริษัทไบโอเทคอย่าง LanzaTech และบริษัทสตาร์ตอัพอย่าง Fairbrics

แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการขยายกำลังการผลิต และมีอัตราการใช้การผลิตที่ต่ำ เนื่องด้วยราคายังไม่สามารถแข่งขันกับ Synthetic Polymer Fibers จากปิโตรเลียมได้ ทว่าเมื่อมองไปข้างหน้า ความจำเป็นที่ต้อง Decarbonize อุตสาหกรรมสิ่งทอนั้น จะทำให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ Low-Carbon Synthetic Polymer Fibers ร่วมกับตัวเลือกเส้นใยที่มีความยั่งยืนอื่น ๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตในผลิตภัณฑ์ของตนเอง

ส่วนธุรกิจที่มีความสามารถในการผลิตและเล็งเห็นโอกาสจากการผลิตเส้นใยทางเลือกเหล่านี้ นอกจากการพัฒนาการผลิตเส้นใยในเชิงพาณิชย์ให้มีคุณสมบัติ Drop-in และสามารถแข่งขันในด้านราคากับ Synthetic Polymer Fibers จากปิโตรเลียมให้ได้แล้ว ผู้ประกอบการยังสามารถสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อสร้างและรักษาอุปสงค์ในการขายไว้ได้

ในขณะเดียวกัน ภาครัฐควรผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเส้นใยเหล่านี้ เพื่อให้เกิด Ecosystem ของการบูรณาการ Clean Energy หรือแนวทางการปรับตัวของธุรกิจต่อ Energy Transition ที่จะทำให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่อไป