เจนเนอราลี่ รัดกุมขายประกันชีวิต ปรับสมดุลพอร์ตสินค้าเพิ่มกำไร

เจนเนอราลี่ ประกัน

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กางแผนธุรกิจ 3 ปี ผนึกกำลังช่องทางตัวแทนรองรับการขายครอบคลุมทุกความต้องการ ขยายความร่วมมือพันธมิตรกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน ตั้งเป้าลงทุนสร้างบริการเหนือระดับ ดึงเอไอช่วยงานตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ พร้อมรัดกุมขายประกัน ลุยปรับสมดุลพอร์ตสินค้าประกันชีวิต เพิ่มความสามารถทำกำไร

วันที่ 27 มิถุนายน 2566 นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ไทยแลนด์ (generali) เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจประกันทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี 2566 นับว่ามีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะเจอความท้าทายด้านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จากความขัดแย้งระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบในภาคการเงินและภาวะเงินเฟ้อ ส่วนตลาดประกันในประเทศไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีก

อาร์ช คอลมิ
อาร์ช คอลมิ

โดยมีปัจจัยบวกด้านต่าง ๆ ได้แก่ อัตราผู้ถือกรมธรรม์ประกันยังมีช่องว่างในการเติบโตได้ ประกอบกับกลุ่มผู้สูงวัยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแนวคิดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 และการนำเอไอเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจประกัน

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้เล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ จึงได้เตรียมแผนการตลาดสำหรับรองรับปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้กลยุทธ์หลัก Lifetime Partner 24 : Driving Growth ด้วยการผลักดัน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.Distribution Focused เสริมแกร่งช่องทางการขาย ผนึกกำลังในรูปแบบ Multi-channel distributions เพื่อรองรับการจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกความต้องการและทุกช่องทาง

แบ่งออกเป็นช่องทางการขายผ่านตัวแทน (Agency) โดยมุ่งเน้นการสร้างพื้นฐานเพื่อให้มีความพร้อมในการเติบโตแบบก้าวกระโดด สร้างเครือข่ายตัวแทนมืออาชีพ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องมือ เพื่อสนับสนุนการเติบโตการพัฒนาศักยภาพ และยกระดับคุณภาพของตัวแทน

สำหรับการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน (Bancassurance) ได้ตั้งเป้าที่จะลงทุนเพื่อสร้างการบริการที่เหนือระดับ ใช้นวัตกรรมมาช่วยตอบโจทย์ธุรกิจที่ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ได้มากยิ่งขึ้น

ในส่วนช่องทาง Direct Marketing ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึง และการจับมือกับพันธมิตรกลุ่มลอยัลตี้แพลตฟอร์มเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่หลากหลายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และในส่วนของช่องทางประกันกลุ่ม มุ่งไปที่การสร้างคุณภาพการบริการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะบริการด้านสินไหมสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีอยู่กว่า 800 องค์กร

นอกจากนี้ ในส่วนของการประกันวินาศภัยสำหรับองค์กร (GC&C-Global Corporate & Commercial) ได้ขยายความร่วมมือกับกลุ่มโบรกเกอร์ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการสร้างการเติบโตของช่องทางการขาย

แนวทางต่อมาคือ 2.กลยุทธ์ด้านการให้บริการ อย่าง Customer F.I.R.S.T. ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านงานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้คะแนนสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ (Relational Net Promoter Score-RNPS) ขึ้นเป็นอันดับ 1

นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำข้อมูลจากการสำรวจความต้องการของลูกค้า มาพัฒนาเป็นกิจกรรมให้ลูกค้าผ่าน Customer Engagement ด้วยประสบการณ์ในแบรนด์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ผ่านกิจกรรมที่มีหลากหลาย สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เป็นต้น

และ 3.People Empowerment หรือการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรด้วยบุคลากรคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กรเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ด้วยการนำแนวคิด Smart work place strategy มาปรับในการทำงานแบบไฮบริด เพิ่มความยืดหยุ่นให้พนักงานสามารถวางแผนรูปแบบการทำงานได้ด้วยตัวเอง แบบ 50:50 ระหว่างการทำงานที่บ้านและการทำงานที่ออฟฟิศ

รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ ด้วยการเสริมทักษะ Soft-Skill และ Hard-Skill เพื่อการเติบโตข้ามสายงาน รวมถึงการสร้างโอกาสในการเติบโตและทางเลือกในการทำงานกับส่วนงานระดับนานาชาติ และแนวคิดที่สำคัญคือการสนับสนุนความหลากหลายและความเสมอภาคของบุคลากรในทุกมิติ

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การเป็นเพื่อนผู้เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิตประสบความสำเร็จ อันประกอบด้วยการสร้างวัฒนธรรมของความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียมและความเสมอภาค (Equity) และการยอมรับในความต่างและการมีส่วนร่วม (Inclusion)

นายอาร์ชกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการปรับแผนกลยุทธ์ 3 ปีแล้ว บริษัทได้เตรียมพัฒนาธุรกิจด้านอื่น ๆ อย่างรัดกุม ทั้งการปรับความสมดุลในพอร์ตของประกันชีวิต เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและจัดสรรเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และดึงเอไอเข้ามาช่วยตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภค การเสนอขายผลิตภัณฑ์ บริการหลังการขาย

การพิจารณาสินไหม ที่ยึดปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล มาตรฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น มาตรฐานการรายงานทางการเงิน (TFRS) รวมถึงความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยอยู่ภายใต้กรอบและแนวปฏิบัติของหน่วยงานกำกับดูแลของภาครัฐ

“โดยบริษัทตั้งเป้าสู่การเป็นองค์กรด้านประกันที่มีคุณภาพในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะเวลา 3-5 ปี ต่อจากนี้”