GRAMMY ทุ่มเกือบพันล้าน ถือหุ้นทางอ้อม ONEE เพิ่ม 10%

GRAMMY

“จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ทุ่มเงิน 960 ล้าน ซื้อหุ้น “วันทอง โฮลดิ้งส์” 100% ที่ถือโดย “พิธาน องค์โฆษิต” มีสินทรัพย์หลักคือหุ้น ONEE จำนวน 238.15 ล้านหุ้น สัดส่วน 10% หนุน GRAMMY ถือหุ้น ONEE เป็น 37.20% ธุรกรรมครั้งนี้ใช้กระแสเงินสดจากการดําเนินงานลงทุน ยืนยันไม่กระทบต่อสภาพคล่อง

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GRAMMY รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ได้อนุมัติและให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2567 ในวันที่ 29 เมษายน 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทําและการปฏิบัติตามสัญญาให้สิทธิในการซื้อหุ้น (Call Option) ซึ่งบริษัทมีสิทธิในการซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท วันทอง โฮลดิ้งส์ จำกัด รวมเป็นจํานวน 100,000 หุ้น คิดเป็น 100% ของจํานวนหุ้นทั้งหมดของวันทองโฮลดิ้งส์ (หุ้น Call Option) จากผู้ขายซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท

และบริษัทมีหน้าที่ต้องรับโอนภาระหนี้เงินกู้ของ “วันทอง โฮลดิ้งส์” ที่มีต่อผู้ขายมาด้วย ทั้งนี้ประมาณการมูลค่าของธุรกรรมการซื้อหุ้น และธุรกรรมการรับโอนภาระหนี้เงินกู้ดังกล่าวจะอยู่ที่ 960,167,500 บาท (ธุรกรรมการซื้อหุ้น และธุรกรรมการรับโอนภาระหนี้เงินกู้ รวมเรียกว่าธุรกรรม)

โดยบริษัทจะสามารถใช้สิทธิในการซื้อหุ้น Call Option ได้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ก่อนหรือในวันที่ 1 มิถุนายน 2567

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 “วันทอง โฮลดิ้งส์” ถือหุ้นโดยนายพิธาน องค์โฆษิต สัดส่วน 99.9% มีสินทรัพย์หลักคือ หุ้นของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด (มหาชน) หรือ ONEE จํานวน 238,125,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน ONEE

หากบริษัทได้รับโอนหุ้น Call Option จากผู้ขายแล้ว “วันทอง โฮลดิ้งส์” จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และจะทําให้บริษัทถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมใน ONEE สัดส่วน 37.20% ของหุ้นที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน ONEE และ ONEE ยังคงมีสถานะเป็นกิจการร่วมค้าของบริษัท

“ราคาซื้อขายดังกล่าวจะต้องหักจํานวนเงินปันผลที่ “วันทอง โฮลดิ้งส์” ได้รับหรือมีสิทธิได้รับจาก ONEE ก่อนวันโอนหุ้น Call Option”

โดยการเข้าทําธุรกรรมสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท โดยจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทคือ 1.เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมใน ONEE โดยปัจจุบันบริษัทถือหุ้นทางตรง 25.09% ของจํานวนหุ้นที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน ONEE โดยภายหลังจากที่ธุรกรรมเสร็จสิ้น บริษัทจะถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมใน ONEE ใน 37.20% ของหุ้นที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน ONEE และภายหลังการทําธุรกรรมเสร็จสิ้น บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ ONEE

2.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทําธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทมุ่งประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ตามแผนการดําเนินธุรกิจของบริษัท

และ 3.เพื่อโอกาสในการขยายธุรกิจและการหาผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคตของบริษัท โดยเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมใน ONEE การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่ได้มีผลทําให้ ONEE กลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดย ONEE ยังคงมีสถานะเป็นกิจการร่วมค้าของบริษัท

การลงทุนในครั้งนี้ GRAMMY จะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดจากการดําเนินงานและเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทคาดว่าการชําระค่าตอบแทนสําหรับธุรกรรมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท