แสนสิริ จ่อออกหุ้นกู้ คาดดอกเบี้ย 4.70% เริ่มต้นแค่ 1,000 บาท ดีเดย์ 19-21 มี.ค.นี้

แสนสิริ

แสนสิริ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ให้แก่ประชาชนทั่วไป จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคาด 4.60-4.70% ต่อปี ชูอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” เผยนำเงินระดมทุนรุกแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท คาดเปิดจองระหว่าง 19-21 มี.ค.นี้

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า แสนสิริเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อรองรับการเติบโต ตามแผนธุรกิจปี 2567 ซึ่งนับเป็นปีแห่งการเติบโตที่สำคัญของแสนสิริ ก้าวต่ออย่างมั่นคงสู่ปีที่ 40 ด้วยแนวทาง “RESILIENT GROWTH-ยืนหยัด ยั่งยืน”

โดยนำศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม มาต่อยอดธุรกิจและขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวม เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างตรงใจและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง รวมทั้งตอบรับความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดีจากการออกหุ้นกู้ทุกชุดมาโดยตลอด สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ จากการมองภาพตลาดและคาดการณ์สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อพร้อมปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายครั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 4.60-4.70% ต่อปี

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ผ่าน 6 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบในภายหลัง

โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม พ.ศ. 2567 นี้ ด้วยเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์เท่านั้น ยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2566 แสนสิริสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี หรือ ALL-TIME HIGH เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 4,280 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15.5% ทุบสถิติใหม่ นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ ส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท ด้านรายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า

“ในปี 2567 แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าต่อตามแผนธุรกิจ เปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ)

ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาทและเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนองค์กรควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ประกอบด้วย การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน พร้อมระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ ได้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท”