ฝรั่งเข้าหุ้นไทยดันดัชนีฟื้น ปี’64ลุ้น 1,580 จุด

ภาพประกอบข่าว กระดานหุ้น-ดัชนีหุ้น

สภาธุรกิจตลาดทุนไทยประเมินทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง หลังเดือน พ.ย. ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท มองเป้า SET index ปีหน้ากลับขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 1,580 จุด กำไร บจ.พลิกกลับมาโต 40%

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า เม็ดเงินลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ (fund flow) พลิกกลับขึ้นมาเป็นยอดซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกที่ 32,643.75 ล้านบาท รวมถึงตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค.ถึงปัจจุบัน (1-3 ธ.ค.) ยังเป็นยอดซื้อสุทธิเช่นกันที่ 1,611.12 ล้านบาท

โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อกระแสฟันด์โฟลว์ ได้แก่ ความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐมีความชัดเจนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (cyclical stocks) เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายการลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีที่ราคาปรับขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระแสการลงทุนดังกล่าวเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นตลาดที่ไม่มีหุ้นเทคโนโลยี อีกทั้งยังมีน้ำหนักของกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์มากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ ประมาณ 20%

“เราคาดว่าเงินทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) รวมถึงธนาคารกลางยุโรปยังคงปั๊มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจต่อเนื่อง แต่ภาคเศรษฐกิจจริงกลับนำเงินไปใช้น้อยมาก โดยพบว่าเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ (emerging market) ที่มีหุ้น cyclical จะเป็นภูมิภาคที่ได้รับความสนใจจากฟันด์โฟลว์” นายไพบูลย์กล่าว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงในประเทศอย่างการเมืองและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง นายไพบูลย์กล่าวว่า จากผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ธ.ค. พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยให้ปัจจัยการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยที่หนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด ขณะที่ปัจจัยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นมากที่สุดคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

“นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ส่วนปัจจัยการชุมนุมในประเทศมองเป็นปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังคงต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกันกับข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย หากมีการแพร่ระบาดรุนแรงอีกรอบจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า สภาธุรกิจตลาดทุนประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET index) ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว และคาดว่าในปี 2564 ดัชนีจะปรับขึ้นใกล้เคียงกับระดับเดิมก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 1,580 จุด ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิต่อราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) คาดว่าปีนี้จะหดตัวลง 40% แต่ปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวประมาณ 40% เช่นเดียวกันจากฐานที่ต่ำ

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในส่วนตลาดตราสารหนี้ พบว่าฟันด์โฟลว์ไหลเข้าอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นเดือน พ.ย.ประมาณ 4,900 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการไหลเข้าพันธบัตรระยะสั้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ดี หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณที่จะใช้มาตรการดูแลค่าเงินบาท ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติเริ่มไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ประมาณ 1,600 ล้านบาท

“ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้มียอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ 31,661 ล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรระยะสั้นที่มีอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี 7,108 ล้านบาท ซึ่งรวมพันธบัตรที่ครบกำหนดอายุ และพันธบัตรระยะยาวอายุมากกว่า 1 ปี 24,463 ล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเป็นยอดขายสุทธิ 40,895 ล้านบาท” นางสาวอริยากล่าว