เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้ว (27 มิ.ย.-1 ก.ค.) SET Index ปรับตัวขึ้นมา บางช่วงเข้าใกล้ 1,600 จุด แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้
โดย “ธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวลงค่อนข้างมาก จากระดับเดิมที่เคยขึ้นไปถึง 1,700 จุด นักลงทุนจึงมองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ ประกอบกับเป็นช่วงปิดงวดไตรมาส 2 จึงอาจจะเป็นอีกส่วนที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ที่ราคาปรับลงมา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“ก็อาจจะเป็นการทำ window dressing ที่เกิดขึ้น ฉะนั้นการปรับตัวขึ้น จึงยังทรงตัว เพราะปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองหลัก ๆ คือ เศรษฐกิจในต่างประเทศ ปัญหาสงคราม และความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราสูงที่อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
ส่วนแนวโน้มในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า (4-8 ก.ค.) “ธนเดช” วิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยมองกรอบดัชนีที่ 1,550-1,600 จุด ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ การรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทย ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของทางยุโรป รวมถึงตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐ และที่สำคัญ จะมีการรายงานการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินเฟด (FOMC) ในรอบที่ผ่านมาด้วย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ บล.พายแนะนำ กลุ่มแรก หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ น่าจะมีผลเชิงบวก แนะนำ ERW, CENTEL กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มสถาบันการเงิน แนะนำ BBL, KBANK ซึ่งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจ่ายเงินปันผลได้เหมือนในภาวะปกติ จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกและความคาดหวังของนักลงทุนที่จะมีโอกาสได้รับปันผลเพิ่มขึ้น
ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มพลังงาน ที่ยังคงน่าสนใจ โดยแนะนำ PTTEP แต่คงต้องติดตามดูเรื่องของการนำส่งเงินช่วยเหลือราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นในระยะนี้ด้วย