
กรมการขนส่งทางบกตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารต่อเนื่องทั่วประเทศ มุ่งป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 – 15 ก.พ. 67 สั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จำนวน 330 คัน
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกดำเนินการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตาม“นโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง” ของกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง
ได้ดำเนินการจัดผู้ตรวจการขนส่งทางบกออกตรวจวัดควันดำรถโดยสารและรถบรรทุกบนถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ เพื่อให้รถโดยสารและรถบรรทุกมีค่าควันดำไม่เกินหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดและเป็นการช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากการปล่อยฝุ่นควัน
จากท่อไอเสียของรถยนต์ในภาคการขนส่ง
โดยกรมการขนส่งทางบกติดตามการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมายของผู้ตรวจการในการออกตรวจวัดควันดำอย่างต่อเนื่อง พร้อมเก็บผลการตรวจสอบวัดควันทั่วประเทศในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ดำเนินการตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งหมด จำนวน 547 คันพบรถบรรทุกและรถโดยสารที่มีค่าควันดำที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดและถูกสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จำนวน 1 คัน
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 66 – 15 ก.พ. 67 กองตรวจการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัดได้ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งหมดสะสมทั่วประเทศ จำนวน 57,785 คัน พบรถบรรทุกและรถโดยสาร
ที่มีค่าควันดำที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดและถูกสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จำนวน 330 คัน
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกแนะให้เจ้าของรถตรวจเช็กและซ่อมเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ
โดยวิธีแก้ไขรถที่ปล่อยควันดำเบื้องต้น
- ให้ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนกรองอากาศใหม่
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะเวลา
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา
- ปรับตั้งปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง
- ตรวจเช็กและปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นละออง และมีแรงดัน เป็นต้น
เตือนหากตรวจวัดควันดำด้วยระบบวัดความทึบแสง แล้วมีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ เกินร้อยละ 40 จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุด 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนด และนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้