ตำรวจ ปอศ. ยึดกางเกงช้างนำเข้าหนีภาษีกว่า 3 หมื่นตัว

จับกางเกงช้างเถื่อน
ภาพจาก มติชน

ตำรวจ ปอศ.บุกโกดังยึดกางเกงช้างนำเข้าหนีภาษีจากต่างประเทศ กว่า 3 หมื่นตัว มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท

วันที่ 18 มีนาคม 2567 มติชน รายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. ​เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ภาคภูมิ พานิชขจรกุล รอง สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สรรเสริญ สอดสุข รอง สว. กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.เจ็น ชุมทอง, ร.ต.ต.ธนะเมศฐ์ ปัจฉิมาพิหงส์ รอง สว.(ป) กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ.

ร่วมกันตรวจค้นโกดังติดป้าย N ถนนเลียบด่วนกาญจนาภิเษกฝั่งใต้ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญา ที่ ค.85/2567 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2567

พร้อมจับกุมนายสุขุม อายุ 27 ปี มีความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาใน หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” อันเป็นความผิดตามาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากร

โดยของกลางที่ตรวจยึดได้เป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ ประเภทกางเกงลายช้างกว่า 30,000 ตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าโกดังสินค้าดังกล่าวมีการนำเข้าสินค้าที่น่าเชื่อว่าลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศโดยผิดกฎหมายมาจำหน่ายให้กับประชาชน จึงได้ขอหมายค้นจากศาลอาญา ที่ ค.85/2567 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2567 เพื่อเข้าตรวจค้นและตรวจสินค้าโดยละเอียด

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น พบนายสุขุมเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบสินค้าลักลอบนำเข้าหนีภาษีจากต่างประเทศจริง เป็นกางเกงลายช้างกว่า 30,000 ตัว มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ซึ่งกางเกงลายช้างเป็นการสร้างสรรค์ของคนไทย ปัจจุบันเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์และความสร้างสรรค์ของคนไทย

อีกทั้งยังไม่มีคนมาแสดงเอกสารการนำเข้าและการชำระภาษีศุลการกรต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกตรวจค้นและยึดสินค้าดังกล่าวไว้ พร้อมแจ้งแก่ผู้นำตรวจค้นว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิด แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายสุขุมยอมรับว่าตนเป็นลูกจ้าง จึงแจ้งกับผู้นำตรวจค้นว่าการกระทำดังกล่าว หากไม่สามารถนำเอกสารการเสียภาษีจะมีความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาใน หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากร