วุฒิสภาโหวต พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร เป็น กสทช.คนใหม่ ตีตก 1 ชื่อ

ส.ว.ลงมติเลือก พล.ต.อ.ณัฐธร เป็น กสทช.คนใหม่ ตีตก ศ.อภิรัฐ ศิริธราวัตร

วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 22 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ในวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก หลังจากคณะกรรมการสรรหา กสทช. มีการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 เมษายน กำหนดกรอบเวลาการแสดงวิสัยทัศน์และการสัมภาษณ์ ในวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีการลงมติเลือกผู้ผ่านการคัดเลือกกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 2 ด้าน ดังนี้

1.พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ด้านอื่น ๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. (ด้านกฎหมาย)

2.ศาสตราจารย์อภิรัฐ ศิริธราวัตร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ด้านกิจการโทรคมนาคม)

ต่อมาที่ประชุมวุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มี พล.อ.อู๊ด เบื้องบน ส.ว. เป็นประธาน ได้ดำเนินการสอบประวัติเป็นเวลา 60 วัน โดยครบกำหนดวันที่ 28 กรกฎาคม 2565

พล.อ.อู๊ดได้เสนอรายงานการสอบประวัติต่อที่ประชุมวุฒิสภา และขอการพิจารณาสรรหาบุคคลเป็นกรรมการ กสทช.ให้เป็นประชุมลับ ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 112 วรรคสอง จากนั้น ที่ประชุมวุฒิจึงได้มีมติ ให้ความเห็นชอบ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร เป็นกรรมการ กสทช. และไม่ให้ความเห็นชอบ ศาสตราจารย์อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร

สำหรับประวัติ พล.ต.อ.ณัฐธรนั้น เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 37 และสำเร็จการศึกษาในปี 2527 หลังจากนั้นเลือกเข้ารับราชการครั้งแรกในตำแหน่งตำรวจนครบาล เป็นรองสารวัตร สืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน

ก่อนได้เลื่อนขั้นไปดำรงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ เช่น รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลบางรัก รองผู้กำกับการสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 191 ผู้กำกับการศูนย์คอมพิวเตอร์ สำนักงานนโยบายและแผน เป็นต้น ต่อจากนั้นได้เริ่มหันมาทำงานด้านการต่างประเทศ

โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศ และผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศตามลำดับ และได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 2 ดูแลท่าอากาศยานหลักทั่วประเทศ และปี 2558 ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต่อมาในปี 2560-2563 ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเลื่อนเป็นที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ