คอลัมน์ : สัมภาษณ์
“วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านแคว” ไม่ใช่ธุรกิจน้องใหม่ แต่ถือเป็นตำนานแห่งธุรกิจชุมชนที่เลื่องชื่อกว่า 28 ปี ปัจจัยใดที่ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ยืนหยัดมาได้อย่างยาวนาน “ทองเพียร ศรีสว่าง” ประธานวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านแคว ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” พร้อมถอดรหัสความสำเร็จ และการต่อยอดสู่ตลาดเฮลตี้ในปี 2567
น้ำพริกตาแดง 2 บาทเปลี่ยนชีวิต
ทองเพียรเล่าว่า ก่อนจะมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านแคว อย่างทุกวันนี้ มาจากตนเองที่ชอบค้าขาย โดยเริ่มทำน้ำพริกตาแดงห่อใบตองห่อละ 2 บาท ขายครั้งแรกเมื่อปี 2526 โดยนำไปขายที่กาดบ้านแคว ในชุมชนที่อาศัยอยู่ ทั้งหมด 75 ห่อ ได้เงิน 150 บาท จากวันนั้นขายดีขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่การทำสินค้าอื่น ๆ ขายควบคู่ไปด้วย อาทิ ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยมีการรวมกลุ่มคนในชุมชนมาร่วมทำด้วย ผ่านการรวมกลุ่มมาถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง
ด้วยความเป็นคนมุ่งมั่น ขยันและไม่ท้อ จึงได้ขอคำปรึกษาจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการตั้งกลุ่มให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน จนเกิดการรวมกลุ่มในครั้งที่ 4 ในปี 2538 ภายใต้ชื่อ “กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านแคว” มีสมาชิกรวมทั้งหมด 35 คน ซึ่งทุกคนเป็นเจ้าของกลุ่มร่วมกัน โดยรวมหุ้นกัน หุ้นละ 50 บาท ได้เงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจครั้งแรก 105,000 บาท สามารถต่อยอดขยายกิจการให้เติบโต มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น
ทั้งน้ำพริกตาแดง มะม่วงดอง ผักกาดดอง ขิงดอง ขิงตากแห้ง มะเขือเทศตากแห้ง ไข่เค็ม เป็นต้น ยอดขายดี รายได้ดี มีผลกำไรคืนให้กับสมาชิกในกลุ่ม ประกอบกับได้รับการคัดสรรเป็น OTOP 5 ดาวในปี 2546 จนนำมาสู่การจดทะเบียนตั้ง “วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านแคว” ในปี 2548 ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 97 คน
ออกงานอีเวนต์-ขึ้นห้าง
ทองเพียรบอกต่อว่า หลักการตลาดของทางกลุ่มคือ ทำอย่างไรที่จะทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง จึงเน้นออกบูทงานแสดงสินค้าทุกที่ตั้งแต่ปี 2541 เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าบ่อย ๆ จากเครื่องหมายการันตีสินค้า OTOP 5 ดาวที่ได้รับ รวมถึงสินค้ามีคุณภาพ และสินค้าได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือมาตรฐาน อย. เรียบร้อย ส่งผลให้สินค้าขายดี และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
โดยในปี 2549 เป็นจุดเปลี่ยนของทางกลุ่มที่ได้ขยายตลาดสู่ห้างสรรพสินค้าทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ อาทิ ห้างริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ร้านค้าในสนามบินเชียงใหม่ ห้างเซ็นทรัล 2 สาขาในกรุงเทพฯ ห้างพารากอน เดอะมอลล์ และบิ๊กซี ราชดำริ เป็นต้น
รุกตลาด OEM รายได้พุ่ง 59 ล้าน
ทองเพียรบอกว่า สินค้าของทางกลุ่มมาจากผลิตผลทางการเกษตร 100% เป็นผลผลิตจากชุมชน โดยรับซื้อจากเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือและจากทั่วประเทศ อาทิ มะม่วง ส้ม สตรอว์เบอรี่ ลิ้นจี่ มะเขือเทศ จากเชียงใหม่, ลำไย จากเชียงใหม่และลำพูน, กล้วยน้ำว้า สับปะรด จากเชียงราย, ขนุน จากระยอง เป็นต้น
ปัจจุบันมีสินค้าที่ผลิตภายใต้แบรนด์ ‘บ้านแคว’ ราว 18-19 ไอเท็ม อาทิ ลำไยอบแห้งสีทอง กล้วยอบ (กล้วยหนึบ) มะขามแก้ว กล้วยกวน สตรอว์เบอรี่อบแห้ง มะม่วงอบแห้ง สับปะรดอบแห้ง ลิ้นจี่อบแห้ง มะเขือเทศอบแห้ง ขนุนอบแห้งส้มสายน้ำผึ้งอบแห้ง ทอฟฟี่ขิง ทอฟฟี่ตะไคร้ ทอฟฟี่ลำไย เป็นต้น
โดยทางกลุ่มได้คิดสูตรขึ้นมาเองทั้งหมด ผลิตและขายเอง 40% และอีก 60% รับจ้างผลิตสินค้า (OEM) มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 5 ตันต่อเดือน ซึ่งสินค้าที่ขายดีที่สุด คือ ลำไยอบแห้งสีทอง มีกำลังการผลิต 12 ตันต่อปี ส่งขายให้กับร้านอาหารดังมากกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ สินค้ากล้วยอบ (กล้วยหนึบ) เป็นอีก 1 สินค้าขายดี
โดยรับจ้างผลิต OEM กล้วยหนึบให้กับบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ที่สั่งออร์เดอร์การผลิตราว 1,300 กิโลกรัมต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสับปะรดอบแห้ง ที่ทำ OEM ให้กับบริษัทในกรุงเทพฯ ประมาณ 2 ตันต่อเดือน โดยก่อนเกิดสถานการณ์โควิด มีรายได้ช่วงระหว่างปี 2560-2562 เฉลี่ยสูงถึง 59 ล้านบาทต่อปี
หลังโควิดรายได้แตะ 10 ล้าน
ทองเพียรบอกต่อว่า ช่วงเกิดสถานการณ์โควิด 3-4 ปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มไม่มีรายได้เข้ามาเลย ขายสินค้าไม่ได้ การผลิตทุกอย่างหยุดชะงัก รายได้เป็นศูนย์ จึงต้องนำเงินเก็บบางส่วนมาใช้เพื่อดูแลสภาพโรงงาน ดูแลสำนักงาน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งหลังโควิดคลี่คลาย ได้เริ่มกลับมาเปิดโรงงานเดินเครื่องการผลิตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ออร์เดอร์สินค้าเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ตลาดยังไม่กลับมาเหมือนเดิม
โดยในปี 2566 รายได้จากการขายสินค้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท มีรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่มที่เข้ามาทำงานในโรงงาน มีผลกำไรและมีเงินปันผลให้กับสมาชิกกลุ่ม สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างพอเพียง
ชู “กัมมี่เสาวรส” สู่ตลาดสุขภาพ
ทองเพียรบอกต่อว่า รุ่นลูกซึ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี เป็นเจน 2 ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านแคว มีแนวคิดจะพัฒนาบรรจุภัณฑ์และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยมีแผนทำผลิตภัณฑ์กลุ่ม อาหารว่าง (Snack) เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเช้า และผลิตภัณฑ์กัมมี่ (Gummy) เพื่อสุขภาพ
ซึ่งได้เข้าอบรมกับศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ (Food Innovation and Packaging Center) หรือศูนย์ FIN ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเตรียมผลิตสินค้าใหม่ในปี 2567 นี้
โดยเริ่มจากการผลิตกัมมี่เสาวรสผสมกับมะเขือเทศ 100% จะได้ประโยชน์จากเสาวรสและมะเขือเทศโดยตรง เป็นกลุ่มอาหารสุขภาพไอเท็มแรก จะเริ่มเข้าสู่ตลาดสุขภาพในปีนี้ พร้อมกับการขยายตลาด OEM เพิ่มมากขึ้น โดยมีสินค้าใหม่ที่รับจ้างผลิตคือ ส้มสายน้ำผึ้งอบแห้ง ซึ่งเป็นผลผลิตจากอำเภอสะเมิง ซึ่งการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายตลาด OEM คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ในปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านบาท