“ธนจิรา” ขนแบรนด์ดังเพิ่มพอร์ตฯ ส่ง HARNN บุกจีน

HARNN

“ธนจิรา” ประกาศยุทธศาสตร์ ปี 2567 จัดโครงสร้างใหม่รับการแข่งขัน-โตก้าวกระโดด เตรียมตัดริบบิ้นเปิดแบรนด์ใหม่ แฟชั่นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น-เบอร์เกอร์ชื่อก้องจากอังกฤษ พร้อมเร่งปูพรมขยายสาขาแบรนด์ในเครือ เพิ่ม 23 สาขาทั้งไทย-เทศ เตรียมส่งแบรนด์ HARNN รุกตลาดจีนเต็มสูบ ตั้งเป้าสิ้นปีโต 20% กวาดรายได้ 1,697 ล้าน

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ว่า ยังคงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2566 และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกจากโครงการ Easy e-Receipt ที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงต้นปีให้มีความคึกคักมากขึ้น

นายธนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
นายธนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ประกอบกับในช่วงต้นปีที่มีเทศกาลต่อเนื่องจากปีใหม่ อาทิ ตรุษจีน และวาเลนไทน์ รวมถึงเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น จึงส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป หลัก ๆ บริษัทได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโต ด้วยการเพิ่มแบรนด์ใหม่เสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง เช่น มีแผนเปิดตัวแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นแบรนด์ที่มีเสื้อผ้าหลากหลาย ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชื่นชอบเสื้อผ้า Streetwear และ High End ซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มศักยภาพในแง่ของการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยจะเปิดสาขาแรกที่เอ็มสเฟียร์ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แฟชั่นสตรีตแวร์ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่เติบโตเป็นอย่างมาก และคาดว่าน่าจะมีมูลค่าสูงเป็นเท่าตัวภายในปี 2571

“จากมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้สตรีตแวร์กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การค้าปลีกแฟชั่นที่สำคัญ และมีอิทธิพลอย่างมากกับตลาดแฟชั่น ขณะที่เทรนด์เสื้อผ้ามีความเป็นทางการขึ้น เน้นความเรียบหรู ดูดี ทำให้การเข้ามาของแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่น จะมาตอบโจทย์เทรนด์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้”

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ Street Burger ร้านเบอร์เกอร์จากอังกฤษ ไดเวอร์ซิฟายแบรนด์ดังของเชฟกอร์ดอน แรมซีย์ เพื่อตอบรับกับกระแสฟื้นตัวของตลาดร้านอาหาร และเจาะกลุ่มนิวเจนที่เป็น Burger Lover และนักท่องเที่ยวที่อยากเปิดประสบการณ์การรับประทานเบอร์เกอร์แบบใหม่ คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2567 ซึ่งตั้งเป้าจะเปิด 3 สาขา

ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังคงเดินหน้าขยายสาขาแบรนด์ที่มีศักยภาพให้มีการเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางเป้าหมายการเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์ภายใต้พอร์ตโฟลิโอรวมทั้งสิ้น 23 สาขา ซึ่งสำหรับในไทยจะเน้นขยายไปที่ศูนย์การค้าทั้งในเครือเซ็นทรัล และเดอะมอลล์ เบื้องต้นมีแพลนจะเปิดร้าน Pandora ที่เซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี ในช่วงไตรมาส 3 นี้ รวมทั้งแบรนด์อื่น ๆ อาทิ Cath Kidston Tea Room ก็จะมีการขยายสาขามากที่สุด 2-3 สาขา รวมถึงแบรนด์ Marimekko และ GANNI ก็จะมีการขยายเพิ่ม 1-2 สาขาต่อแบรนด์เช่นเดียวกัน

สำหรับในต่างประเทศมีแผนขยายงานขายผ่านระบบ Multi-tier Franchise System ในประเทศจีน เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับภูมิภาคในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยปีนี้ได้เตรียมส่งแบรนด์ HARNN สินค้าบอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี รวมทั้งแบรนด์ Vuudh เครื่องหอมสไตล์ไทยร่วมสมัย เข้าไปรุกตลาดจีนมากขึ้น จากที่ปัจจุบันเป็นการขายผ่านดีลเลอร์ท้องถิ่น แต่จะเปลี่ยนมาเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อทำการตลาดในจีนอย่างจริงจัง

“ที่ผ่านมายอดขายสินค้าและบริการของ HARNN ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสนำสินค้าและบริการของ HARNN เข้าไปทำตลาดในจีนอย่างจริงจังในปีนี้”

อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และการแข่งขันตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกมิติ บริษัทได้จัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย แบรนด์ Pandora เครื่องประดับเงินชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก และแบรนด์ Cath Kidston สินค้าไลฟ์สไตล์กลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจจากประเทศอังกฤษ กลุ่มธุรกิจแฟชั่น ประกอบด้วย แบรนด์ Marimekko แบรนด์สินค้าที่โดดเด่นด้านลายพิมพ์และสีสันจากประเทศฟินแลนด์ แบรนด์ GANNI แบรนด์แฟชั่นที่มีดีไซน์และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากดินแดนสแกนดิเนเวีย

กลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพ ประกอบด้วย แบรนด์ HARNN สินค้าบอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี แบรนด์ Vuudh เครื่องหอมสไตล์ไทยร่วมสมัย รวมทั้งการขยายไปสู่ธุรกิจสปาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ HARNN HERITAGE SPA, SCAPE BY HARNN, THE SPA BY HARNN, BY HARNN

และกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วย แบรนด์ร้านอาหาร Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar, Gordon Ramsay Street Pizza และ Gordon Ramsay Street Burger รวมทั้งการต่อยอดแบรนด์ภายใต้พอร์ตโฟลิโอสู่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่าง Marimekko Kafe และ Cath Kidston Tearoom เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าผลักดันยอดขายสาขาเดิมและสาขาใหม่ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกแบรนด์ของบริษัท โดยในปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้ากวาดรายได้ 1,697 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,432 ล้านบาท แบ่งเป็นการเติบโตจากสาขาเดิม 10% และเติบโตจากสาขาที่จะเปิดใหม่อีก 10%

“การเพิ่มแบรนด์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น และกลุ่มธุรกิจอาหาร รวมถึงแผนการขยายสาขาแบรนด์ในเครือทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายแบรนด์กลุ่ม HARNN ไปประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทลฯกล่าว