แอชตัน อโศก : ผู้บริหารอนันดาฯขอ 14 วัน ถก “กทม.-รฟม.” หาทางออก

ชานนท์ เรืองกฤตยา
ชานนท์ เรืองกฤตยา (แฟ้มภาพ)

“ผู้บริหารอนันดา” ชานนท์ เรืองกฤตยา ขอเวลา 14 วัน หารือ กทม.-รฟม. หาทางออกและเยียวยาผลกระทบหลังศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ยันขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการฟ้องหน่วยงานรัฐต้องรอทีหลัง

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด ได้ออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากใช้ทางร่วมกับที่ดินเวนคืนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า จากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว เบื้องต้นทางบริษัทจะขอเวลาประมาณ 14 วันเพื่อไปหารือหน่วยงานต้นเรื่องคือ รฟม.และกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือและหาทางออกร่วมกันในเบื้องต้น ว่าจะดำเนินการแก้ไขและหาทางเยียวยาเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นความผิดของทางบริษัท เพราะบริษัทได้ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการขอใบอนุญาตก่อสร้าง และการขอใช้พื้นที่จาก รฟม. ซึ่งทางบริษัทได้มีการจ่ายเงินตอบแทนให้กับทาง รฟม.ด้วย

“จากเรื่องที่เกิดขึ้นบริษัทได้รับความเสียหาย รวมทั้งลูกบ้าน ลูกค้า และผู้ถือหุ้นด้วย โดยบริษัทยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ประเด็นที่ศาลสั่งคือผิดประกาศกระทรวงฉบับที่ 33 ที่นำที่ดินรัฐมาดำเนินการ ขัดต่อกฎหมาย ยอมรับว่ากรณีนี้เป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นกับวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยในโครงการดังกล่าวบริษัท ได้ใบอนุญาต 9 ใบ จาก 7 หน่วยงาน มีการผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการต่าง ๆ รวม 5 ชุด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าใน กทม. มีโครงการที่คล้ายกันอีก 13 โครงการ และโครงการใกล้เคียงกันอีกเป็น 100 โครงการที่ขอเชื่อมทางกับหน่วยงานของรัฐ และเรามีการจ่ายค่าตอบแทนให้ รฟม.เกือบ 100 ล้านบาท”

นายชานนท์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีทั้งหมด 668 ยูนิต มูลค่ารวม 6,481 ล้านบาท มีผู้เข้าอยู่อาศัยหรือมีการโอนโฉนดไปแล้วร่วม 580 ครัวเรือนหรือคิดเป็นมูลค่า 5,653 ล้านบาท แบ่งเป็นคนไทย 438 ราย ต่างชาติ 142 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวประมาณ 84% อยู่มานานกว่า 4 ปี

ดังนั้นหากจะต้องทุบตึกทิ้ง ต้องส่งผลกระทบกับลูกบ้านเป็นอย่างมาก หากจะต้องทุบตึกทิ้งก็จะส่งผลกระทบต่อลูกบ้าน 580 ครอบครัว ที่เข้ามาอยู่แล้ว จึงต้องหาทางออกร่วมกันเพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากคำสั่งครั้งนี้ หากสุดท้ายทำอะไรไม่ได้แล้ว ค่อยฟ้องร้องหน่วยงานราชการ

นายประเสริฐ แด่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บมจ.อนันดาฯกล่าวว่า ทั้งนี้ลูกบ้านโครงการแอชตัน ยังสามารถอาศัยอยู่ในโครงการต่อได้ เนื่องจากศาลมีคำสั่งแค่เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง แต่ยังไม่มีการเพิกถอนใบอนุญาตการใช้อาคาร ซึ่งเชื่อว่ากว่าจะถึงเวลาดังกล่าว คงต้องใช้เวลาอีกนาน

แต่บริษัทยืนยันว่าจะต้องหาทางออกและเยียวยาเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เราต้องไปหารือกับทางหน่วยงานราชการ เพราะไม่ใช่ความผิดของเรา ยืนยันว่าทำโดยสุจริต ซึ่งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จะต้องช่วยกันรับผิดชอบและหาทางออก ส่วนจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่นั้นก็จะต้องเป็นกระบวนการต่อไป เพราะต้องดูว่า หน่วยงานไหนรับผิดชอบอย่างไร

นายประเสริฐกล่าวว่า เราในฐานะเจ้าของบริษัท เราก็จะต้องเรียกร้องความเสียหายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ และการใช้ที่ดินรัฐในการใช้ทางออกร่วมนั้น เชื่อว่าในอนาคตอาจจะต้องมีการหารือกันด้วยว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นอกจากนี้ เราต้องหารือทั้งกทม.และรฟม. เพราะต้องไปดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเยียวยาบ้าง และสุดท้ายหากทำทุกวิถีทางแล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้และต้องทุบตึกทิ้งอย่างเดียวนั้น เราก็ต้องฟ้องหน่วยงานราชการ และราชการก็ต้องไปฟ้องศาลต่อไป

“เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ลูกค้าพอสมควร เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายของรัฐ ที่หน่วยงานรัฐซึ่งมีความเชี่ยวชาญถูกฟ้องร้อง ซึ่งผู้ร่วมลงทุนของเราคือบริษัทมิตซุยก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตนั้นล้วนมีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายแทบทั้งสิ้น” นายประเสริฐกล่าว

แอชตัน อโศก