บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ลงทะเบียนเสร็จแล้ว ต้องทำยังไงต่อ ?

ลงทะเบียน

เปิดไทม์ไลน์ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ’65 เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป

วันที่ 5 กันยายนเป็นวันแรกที่รัฐบาลเปิดให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่เว็บไซต์ welfare.mof.go.th และหน่วยรับลงทะเบียนโครงการ ทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขต กทม. และสำนักงานเมืองพัทยา

การลงทะเบียนโครงการในครั้งนี้ มีรายละเอียดและระยะเวลาที่เพิ่มเติมเข้ามา จากการลงทะเบียนเมื่อช่วง 5 ปีก่อน เพราะมีการเพิ่มกระบวนการตรวจสอบความสัมพันธ์ในครอบครัวและอื่น ๆ เพื่อให้สิทธิต่าง ๆ ในโครงการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางได้ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้

“ประชาชาติธุรกิจ” สรุปไทม์ไลน์การลงทะเบียน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ปี 2565 เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วต้องทำอย่างไรต่อไป

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใครลงทะเบียนได้บ้าง ?

คุณสมบัติหลักของผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 มีดังนี้

  • ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
  • ไม่เป็นข้าราชการของรัฐ ผู้ต้องขัง ภิกษุ สามเณร
  • มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท
  • ไม่มีวงเงินกู้ กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ

โดยการลงทะเบียนครั้งนี้ จะมีการอ้างอิงเกณฑ์ครอบครัวในการลงทะเบียนด้วย

เตรียมเอกสารก่อนลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถทำได้ทั้งทางเว็บไซต์ และหน่วยรับลงทะเบียนใกล้บ้าน โดยต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้

กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว

  • ใช้บัตรประชาชน และแบบฟอร์มลงทะเบียน
  • หากลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ ไม่ต้องยื่นเอกสาร

กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว

  • ใช้แบบฟอร์มลงทะเบียน บัตรประชาชนของผู้ลงทะเบียน และสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส และบุตร (หรือสูติบัตรของบุตร)
  • หากคู่สมรส และบุตร เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยลงทะเบียน ให้แสดงบัตรประชาชน ไม่ต้องใช้สำเนาบัตร

ครอบครัว หมายถึง คู่สมรส และบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ตามข้อมูลของกรมการปกครอง

กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาที่หน่วยลงทะเบียนได้

  • ใช้แบบฟอร์ม และสำเนาบัตรประชาชนของผู้ลงทะเบียน คู่สมรส และบุตร พร้อมลงลายมือชื่อ
  • เอกสารมอบอำนาจ พร้อมบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ และเอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) อาทิ สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ ใบรับรองแพทย์
  • หากคู่สมรส และบุตร เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยลงทะเบียน ให้แสดงบัตรประชาชน เช่นเดียวกันกรณีปกติ

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนโครงการ สามารถศึกษาได้เพิ่มเติมที่นี่

ลงทะเบียนโครงการเสร็จแล้ว ทำอย่างไรต่อ ?

ภาพจาก เว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

เดือนกันยายน 2565

หลังจากกระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนแล้ว จะตรวจสอบข้อมูลและตรวจสอบความสัมพันธ์ครอบครัวกับกรมการปกครองแล้ว กระทรวง จะประกาศผลการตรวจสอบทุกวันศุกร์ โดยแบ่งตามรอบการได้รับข้อมูลลงทะเบียนโครงการ เริ่มตั้งแต่รอบวันที่ 5-8 กันยายน 2565 ประกาศผลการตรวจสอบ 16 กันยายน 2565

จากนั้นจะแบ่งรอบการลงทะเบียนเป็นทุกวันศุกร์-วันพฤหัสบดีของสัปดาห์ถัดไป และประกาศผลการตรวจสอบทุกวันศุกร์ สัปดาห์ถัดไป

ภาพจาก เว็บไซต์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565

หากข้อมูลความสัมพันธ์ถูกต้อง ให้รอการตรวจสอบคุณสมบัติอื่น ๆ ต่อไป แต่หากข้อมูลความสัมพันธ์ไม่ถูกต้อง ผู้ลงทะเบียนจะต้องแก้ไขข้อมูลของตนเองให้แล้วเสร็จภายใน 3 พฤศจิกายน 2565 ณ หน่วยลงทะเบียนที่ยื่นแบบฟอร์มหรือเลือกลงทะเบียนไว้ หากไม่มีครอบครัว สามารถยื่นแก้ไขได้ที่หน่วยลงทะเบียนที่สะดวก และประกาศผลการตรวจสอบครั้งสุดท้าย 11 พฤศจิกายน 2565

เดือนมกราคม 2566

หลังจากตรวจสอบความสัมพันธ์ของครอบครัวเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังจะตรวจสอบและพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการหรือไม่ ทั้งเกณฑ์บุคคลและเกณฑ์ครอบครัว

หากคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้รอการยืนยันตัวตน (KYC) ด้วยบัตรประชาชนแบบ Smart Card ที่สาขาของ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.

แต่หากคุณสมบัติไม่ผ่าน สามารถยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านทางเว็บไซต์โครงการ และติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน เพื่อขอแก้ไขปรับปรุงข้อมูลโดยตรง

เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ

หลังจากผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ และลงทะเบียนยืนยันตัวตนที่จุดบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลังจะแจ้งวันเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐให้ทราบอีกครั้ง โดยการใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐในครั้งนี้ สามารถใช้งานผ่านบัตรประชาชนของผู้ลงทะเบียนได้ทันที ไม่ต้องใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกต่อไป