“จ้าว เหว่ย” ไม่แปลกใจถูกพาดพิงเกี่ยวข้องกลุ่มจีนสีเทาในไทย ยืนยันไม่เกี่ยว พร้อมถามกลับ “ชูวิทย์เป็นใคร” ไม่เคยรู้จัก
วันที่ 3 ธันวาคม 2565 ข่าวสดรายงานว่า จ้าว เหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย และการถูกขึ้นแบล็กลิสต์จากสหรัฐอเมริกา ที่หอพระราชวัง เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้งแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว
- กรมอุตุฯเตือน 6-11 พ.ค.นี้ ฝนตกหนักหลายพื้นที่ รวมกทม.และปริมณฑล
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
จ้าว เหว่ย กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่ถูกพาดพิงไปเกี่ยวข้องกับข่าวกลุ่มจีนสีเทาในไทย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามักถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพล และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำปัจจุบันได้ถูกพัฒนาไปไกลมากแล้วโดยร่วมกับรัฐบาล สปป.ลาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด
“ตั้งแต่เข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมื่อปี 2550 มักจะถูกคนภายนอกว่าเป็นพื้นที่สีเทา แหล่งค้ายาเสพติด แหล่งฟอกเงิน และแหล่งอาชญากรรมต่าง ๆ เพราะมีบ่อนกาสิโน “คิงส์ โรมัน” ตั้งอยู่ด้วย แต่หากเข้ามาสัมผัสแล้วจะเห็นว่าบ่อนกาสิโนคือส่วนหนึ่งของการลงทุนเท่านั้น”
“ปัจจุบันมีกลุ่มทุนสิงคโปร์เข้ามาเช่าเพื่อบริหารในระยะยาวเปลี่ยนชื่อมาเป็น ALLUXI CASINO มีนายทุนชื่อ สกาย ชาวสิงคโปร์วัย 49 ปี เป็นคนบริหารบ่อนกาสิโน”
“ภายในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมคำ คือ เมืองใหม่ ที่มีเป้าหมายจะเติบโตระดับโลก เรามาไกลเกินกว่าพื้นที่สีเทาที่ใครหลายคนมักเข้าใจผิดมาตลอด ดังนั้นจึงไม่เสียเวลาไปอธิบายในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกคนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำรู้ดี เช่นเดียวกับนักลงทุกที่เข้ามาลงทุนก็รู้ดี รัฐบาลสปป.ลาวก็รู้ว่าเรามีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างไร ไม่จำเป็นต้องออกมาแก้ข่าว ให้ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องพิสูจน์”
ในกรณีของนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมากล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย จ้าว เหว่ย ปฏิเสธ และถามกลับว่า “ชูวิทย์เป็นใคร” ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสนิทสนม และไม่เคยพบปะ ทำไมถึงมาใส่ร้ายพาดพิง มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตนเป็นนักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญ และมั่งคั่ง
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาอ้างชื่อไปเกี่ยวกับกลุ่มทุนจีนสีเทาตามที่เป็นข่าวในไทยและการเชื่อมโยงให้เกี่ยวข้องกับ 5 เสือมังกร โดยอ้างว่ามาเกี่ยวข้องกับตนแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะนักลงทุนจีนมีทั่วโลก
“หากจะกล่าวอ้างกัน ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ อย่ามาพูด เพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันไม่ยุติธรรมสำหรับตน ทุกวันนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ใช่ดินแดนสนธยาตามที่ใครเข้าใจ แต่มีความปลอดภัย พร้อมต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอยากให้เข้ามาท่องเที่ยว มีความปลอดภัย และยังได้สัมผัสทั้งแหล่งท่องเที่ย ชิมอาหาร และวิถีชิวิตของคนจีน และคนลาว”
ส่วนกรณี สหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็กลิสต์นั้นไม่ได้ให้ความสนใจอะไร และมองว่าสหรัฐอเมริกาพยายามบอกกล่าวให้คนทั่วโลกเข้าใจผิดมาตลอด พยายามใส่หมวกให้คนอื่นเป็นมาเฟีย หรือ ค้ายาเสพติด มันไม่ยุติธรรม เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมคำในวันนี้ คือ พื้นที่สีขาว มีความปลอดภัย และเป็นแหล่งลงทุน ที่ในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ใคร ๆ ก็ไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป
การเปิดใจในครั้งนี้ของ จ้าว เหว่ย ถือเป็นการออกมาพูดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 15 ปี หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย และเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ 5 เสือมังกร ซึ่ง จ้าว เหว่ย ก็ออกมาปฏิเสธเป็นที่เรียบร้อย
- ชูวิทย์ เผย มีหลักฐาน VVIP เที่ยวเลาจน์หรู เป็นผู้ชายต้องยอมรับ
- ชูวิทย์ แฉ “ไทยคู่ฟ้าคลับ” แหล่งแพร่โควิด “ติดคนรวย ซวยคนจน”
- “ชูวิทย์” ย้อน “เชาว์ มีขวด” ให้ติดคุกเอง จะได้รู้ว่าสบายจริงหรือไม่