สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีนจัดใหญ่ ดึงทัพนักธุรกิจ 300 ราย สานสัมพันธ์นครเซี่ยงไฮ้ปลุกลงทุน หนุน ศก.โตสูง 9% ชูแผนพัฒนาเขตการค้าเสรีหลินกัง
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (2 พ.ค.) นายกง เจิ้ง (Gong Zheng) นายกเทศมนตรีมหานครเซี่ยงไฮ้ เข้าร่วมงาน “ลงทุนเซี่ยงไฮ้ ร่วมแบ่งปันอนาคต” จัดโดย สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ณ โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯ เพื่อแนะนำยุทธศาสตร์การพัฒนานครเซี่ยงไฮ้
โดยได้เน้นย้ำถึงเสน่ห์และโอกาสในการพัฒนาของเซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งยังกล่าวเชิญชวนผู้ประกอบการทั่วโลกไปลงทุนที่เซี่ยงไฮ้ และจับมือกันสร้างอนาคตที่ดีขึ้น
มหานครเซี่ยงไฮ้มีเนื้อที่ 6,340 ตารางกิโลเมตร เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ลอจิสติกส์ แฟชั่น และนวัตกรรม รวมทั้งเป็นพื้นที่ “นำร่อง” ที่ใช้ทดสอบทดลองนโยบายสำคัญของจีน
อาทิ การปฏิรูปและเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ เขตการค้าเสรี (Free Trade Zone : FTZ) และงานแสดงสินค้านำเข้าระหว่างประเทศ (China International Import Expo)
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเข้าสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่
โดยหนึ่งในพื้นที่รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้แก่ “หลินกั่ง” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ มีเนื้อที่ 873 ตารางกิโลเมตร ติดกับชายฝั่งทะเลด้านซีกตะวันออก
หลินกั่งถูกกำหนดให้เป็น FTZ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสิทธิประโยชน์พิเศษส่งเสริมการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมเป้าหมาย
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดสรรทรัพยากรทั่วโลกอย่างมีศักยภาพและดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงิน อาทิ HSBC และธนาคารกสิกรไทย
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมผ่านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในด้านยา ไบโอเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การบินพลเรือน EV อุปกรณ์ที่ทันสมัย วัสดุใหม่ และเซมิคอนดักเตอร์
โดยปัจจุบัน มีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 แห่ง ดึงดูดการลงทุน 220,000 ล้านหยวน มูลค่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 263,400 ล้านหยวน โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ TESLA ที่ผลิตและส่งมอบแล้ว 760,000 คัน
นอกจากนี้ยังมีการผลิตเครื่องบินพลเรือน C919 และการบริหารจัดการเดินเรือระหว่างประเทศ
โดยมีบริษัทเดินเรือ 4 บริษัท บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหม่ 12 แห่งมาตั้งบริษัทสำนักงานใหญ่ในเซี่ยงไฮ้และใช้ท่าเรือหยางซานพัฒนาเป็นเขตปลอดภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทต่างชาติเข้าจะเข้ามาลงทุนในการค้าออนไลน์
ปัจจุบัน หลินกั่งอยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์ Big Data ระดับสากลเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตัล
ด้วยความพร้อมทุกด้านดังกล่าว และการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้พื้นที่หลินกั่งในปี 2022 มีมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมสมัยใหม่มากกว่า 40% และสามารถดึงดูดการลงทุนของต่างชาติในพื้นที่ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เติบโต 9% จาก 5.5% ของปีก่อน
โดยเฉพาะบริษัท TESLA ผู้ผลิตรถอีวียักษ์ใหญ่ เริ่มตั้งสายพานการผลิต และการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ เป็นข้อพิสูจน์ว่านครเซี่ยงไฮ้มีการดำเนินการจนเป็นที่น่าพึงพอใจ
นอกจากนี้ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้เข้าไปลงทุนในเซี่ยงไฮ้เมื่อกว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมาก็มีแผนจะขยายการลงทุนในเขตหลินกั่ง
นายธนากร เสรีบุรี นายกสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เผยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของจีน และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียน
ประกอบกับการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ริเริ่มโครงการ Belt and Road Initiative มาตั้งแต่ปี 2556
นับแต่นั้น จีนกลายเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี โดยในปี 2565 ปริมาณการค้าระหว่างไทยและจีนมีมูลค่าสูงถึง 135,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ จีนยังกลายเป็นประเทศที่มาลงทุนในมูลค่าสูงสุดของไทย อาทิ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เวชภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่ง ตลอดจนอุตสาหกรรมอื่น ๆ
อีกทั้งการพัฒนาความร่วมมืออย่างลึกซึ้งภายใต้กรอบความร่วมมือ TCEP และแม่โขง-ล้านช้าง รวมไปถึงยุทธศาสตร์ 4.0 ของไทย และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก “อีอีซี”
ตลอดจนความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องของการก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน ประเทศไทยในฐานะประเทศที่สำคัญในอาเซียน มีความเพียบพร้อมทั้งในด้านกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐที่เอื้ออำนวยสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศด้วยทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างไทยและจีนมาแล้วร่วม 40 ปี มีสมาชิกเป็นจำนวนมากที่ต้องการไปลงทุนในประเทศจีน
เนื่องจากประเทศจีนมีตลาดใหญ่กำลังการซื้อสูง และมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการลงทุน
“เมื่อคิดถึงการลงทุนในประเทศจีน ต้องนึกถึงนครเซี่ยงไฮ้ก่อนเป็นลำดับแรก” ซึ่งมีหลายบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมของเราได้เข้าไปลงทุนในนครเซี่ยงไฮ้แล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ บริษัทชั้นนำของไทย อย่างเครือ ซี.พี.
ขณะเดียวกัน รถยนต์เอ็มจี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง เอสเอไอซี มอเตอร์ จากนครเซี่ยงไฮ้ กับ เครือ ซี.พี. ของไทย เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เรายิ่งมีความมั่นใจต่อการลงทุนใน นครเซี่ยงไฮ้ จนขณะนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเกือบ 900 บริษัท ได้มาตั้งสำนักงานใหญ่ในนครเซี่ยงไฮ้ และยังมีอีกกว่า 530 บริษัท เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา
เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านครเซี่ยงไฮ้ มีความน่าสนใจที่ต้องพิจารณาถึงเป็นพิเศษสำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศนับตั้งแต่ดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ
จนทำให้จีนกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในฐานะเมืองที่ทันสมัยที่สุด จนมีฉายาว่า “นครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมในทุก 3 ปี”
ในปี 2565 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของนครเซี่ยงไฮ้สูงถึงกว่า 650,000 ล้านเหรียญสหรัฐและมาตรฐานการดำรงชีพของชาวเซี่ยงไฮ้ก็พัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นเมืองที่มีกำลังซื้อสูงสุดในประเทศจีน
พร้อมกันนี้ งานสัมมนาในครั้งนี้มีแขกรับเชิญพิเศษร่วมสานความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจที่แนบแน่นระหว่างไทย-เซี่ยงไฮ้ อาทิ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ท่ามกลางผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยและจีนที่เข้าร่วมงานรวมราว 300 คน ทั้งยังมีการลงนามความร่วมมือระหว่างกันรวม 6 ฉบับ