คนละครึ่ง เปลี่ยนสิทธิจาก “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ทำอย่างไร ?

คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้

อยากเปลี่ยนสิทธิร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็น “คนละครึ่ง เฟส 3” สามารถทำได้ แนะนำเช็กเงื่อนไขก่อนตัดสินใจ

“คนละครึ่ง” เฟส 3 ยังคงได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี หลังเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิทั้งรายเก่า รายใหม่ ได้ลงทะเบียนอีกครั้ง รวม 31 ล้านสิทธิ แต่ครั้งนี้รัฐยังได้ให้อีกหนึ่งตัวเลือกอย่าง “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โครงการน้องใหม่ ที่จะมาช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า ต้องเลือกเข้าร่วมเพียงโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมเงื่อนไขจากทั้ง 2 โครงการ รวมถึงมาให้คำตอบว่า หากเลือกเข้าร่วมโครงการใดไปแล้ว จะสามารถเปลี่ยนเป็นอีกโครงการได้หรือไม่ พร้อมขั้นตอนในเบื้องต้น ดังนี้

เปลี่ยนจาก ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็น คนละครึ่ง

ตามเงื่อนไขของกระทรวงการคลัง (อ่านเงื่อนไขฉบับเต็ม) ระบุไว้ว่า กรณีที่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และอยากจะเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิมาเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เท่านั้น และสามารถเปลี่ยนสิทธิเข้าร่วมโครงการได้เพียง 1 ครั้ง

สำหรับการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด (วันที่ 17 มิ.ย.64 เวลา 17.00 น.) มีตัวเลขสิทธิคงเหลือกว่า 4 ล้านสิทธิ ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com

เทียบสิทธิประโยชน์ คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้

โครงการคนละครึ่ง : ผู้ที่ได้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3 จะได้รับเงินรวม 3,000 บาทต่อคน แบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 1,500 บาท เริ่มใช้จ่าย 1 ก.ค.64

  • รับเงินรอบแรกเริ่ม ก.ค.-ก.ย. 64 และรอบที่ 2 ต.ค.-ธ.ค. 64
  • โดยใช้จ่ายผ่าน G-Wallet วงเงินได้ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน (รัฐจ่าย 150 ผู้มีสิทธิจ่าย 150)
  • ใช้จ่ายในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ และการบริการได้ เช่น ร้านนวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะ หรือขนส่งมวลชนสาธารณะได้

ลักษณะสำคัญของคนละครึ่ง เฟส 3 เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน จึงเหมาะกับคนที่ใช้จ่ายในแต่ละวันไม่ได้สูงมาก เน้นการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ : เริ่มใช้จ่ายจาก G-Wallet ในร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2564 หากใช้เงินเต็มจำนวน 60,000 บาท จะได้รับ E-Voucher คืนสูงสุด 7,000 บาท โดยกำหนดยอดใช้จ่ายได้ไม่เกิน5,000 บาท/คน/วัน

  • ยอดใช้จ่าย 40,000 บาทแรก ได้รับ E-Voucher คืน 10%
  • ยอดใช้จ่าย 40,001-60,000 ได้รับ E-Voucher คืน 15%
  • เริ่มรับ E-Voucher ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม – 7 ตุลาคม 2564 และสิ้นสุดการใช้จ่ายเพื่อรับ E-Voucher วันที่ 30 กันยายน 2564

ทั้งนี้ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะเน้นให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการที่จดทะเบียน VAT ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ และให้ E-Voucher คืน สำหรับคนที่มีการใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นมาตรการนี้จึงเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อสูง ใช้จ่ายทั้งสินค้าและบริการสูงอยู่แล้วเป็นปกติ จึงจะได้สิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้

อย่างไรก็ดี ผู้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง หรือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ใช้สิทธิโครงการเราชนะผ่านบัตรประชาชน โดยสามารถเลือกรับสิทธิได้เพียงโครงการเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ ผู้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ก่อนใช้สิทธิครั้งแรก จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่สาขา หรือ ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนกับธนาคารกรุงไทย หรือผู้ที่มีแอป “Krungthai NEXT” ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนมาแล้ว