คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
ผมเพิ่งได้ดู “ONE ลุมพินี 46” แบบเต็ม ๆ
มันสสสส..มาก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ไม่แปลกใจเลยที่ “วัน แชมเปี้ยนชิพ” จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก
เพราะแต่ละคู่ชกสนุกมาก
ใส่กันเต็ม ๆ แบบไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวโดนน็อก
ตามปกติ ถ้าใครเคยดูมวยไทยสมัยก่อน จะรู้เลยว่า แม้จะชกกัน 5 ยก
แต่ชกกันจริง ๆ แค่ 2 ยก
ยก 1-2 เต้นดูเชิง
3-4 ชกจริง
ยก 5 ใครที่รู้ว่าคะแนนนำก็จะถีบ-ถอย หรือเข้ากอดเพื่อถ่วงเวลาการชกไปเรื่อย ๆ
เพราะเป้าหมายของนักมวย คือ ชนะ
ไม่สนใจความรู้สึกของคนดู
“ชาตรี ศิษย์ยอดธง” คงเห็น “จุดอ่อน” เรื่องนี้
พอเขากำหนดกติกาใหม่ให้บางคู่ชกกันแค่ 3 ยก
เวลาสั้น ๆ บีบให้นักมวยต้องชกกันเต็มที่ตั้งแต่ยกแรก
และกติกาที่ห้ามกอดตีเข่านาน ๆ ทำให้การชกสนุกขึ้นกว่าเดิมมาก
แม้แต่คู่ “ตะวันฉาย พี เค แสนชัย-ซูเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ที่ชกกัน 5 ยก ตามกติกามวยไทยก็ยังชกกันสนุก
กลยุทธ์หนึ่งที่ “ชาตรี” ใช้ คือ การอัดฉีดเงินเพิ่มสำหรับนักมวย
ขอเพียงแค่ชกเต็มที่ ชกสนุก แบบไม่กลัวเจ็บ
ไม่ว่าแพ้หรือชนะ จะได้รับเงินอัดฉีดพิเศษ
อย่างต่ำก็ 1 แสนบาท
ถ้าชกสนุกจริง ๆ ก็ 3.5 แสนบาท
“เงินอัดฉีด” ก้อนนี้ คือ “อาวุธลับ” ที่ทำให้นักมวยชกกันเต็มที่
เพราะถ้ากีฬาคือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ประเภทหนึ่ง
การแข่งขันกีฬาจึงต้องสนุก คนดูต้องได้ลุ้น
การอัดฉีดเงินพิเศษจึงเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้นักมวยเอ็นเตอร์เทนคนดู
ไม่ได้คิดแต่ “ชัยชนะ” เท่านั้น
นักมวยของ ONE รู้ว่า ถ้าลุยเต็มที่ ต่อให้แพ้ก็ได้เงินอัดฉีด
ซึ่งจำนวนเงินบางทีมากกว่า “ค่าตัว”
หรือใกล้เคียงกับ “ค่าตัว”
นักมวยที่ “แพ้” แต่ชกสนุก บางทีอาจได้เงินค่าตัว + เงินอัดฉีดมากกว่าผู้ชนะก็ได้
อย่างการแข่งขันเมื่อวันก่อน
“กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย” นักมวยกำปั้นหนักที่ได้ฉายาว่า “ซ้ายอุกกาบาต” ขึ้นชกกับ ONE มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้เงินอัดฉีดเลย
จนวันก่อนถึงขั้นให้สัมภาษณ์บนเวทีว่า ชกครั้งนี้หวังว่าเขาจะได้ “เงินอัดฉีด” บ้าง
สุดท้ายก็ได้จริง ๆ เมื่อชนะน็อกคู่ต่อสู้อย่างสนุก
พลังของ “เงินอัดฉีด” จึงมี “ความหมาย” มาก
นักมวยทุกคนไม่รู้เลยว่าจะได้หรือไม่ได้
เพราะคนตัดสินใจ คือ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” เจ้าของ “วัน แชมเปี้ยนชิพ” คนเดียว
ชกเสร็จ ค่อยประกาศว่า จะได้เท่าไร
หรือไม่ได้เลย
ดังนั้น ทันทีที่หมดยกสุดท้าย นักมวยจะลุ้น 2 ครั้ง
ลุ้นว่า “ชนะ” หรือ “แพ้”
และลุ้นว่าจะได้ “เงินอัดฉีด” ไหม
“ชาตรี” ฉลาดที่เลือกอัดฉีดให้นักมวยที่ชกสนุก
บางคนชกไม่เก่งมาก แต่ใจสู้ เดินแลกหมัดแบบไม่กลัวเจ็บ
“คนดู” ชอบ
แบบนี้อัดฉีดเยอะ
เมื่อเขาสร้าง “ต้นแบบ” ให้นักมวยทุกคนรู้ว่า ชกแบบไหน จะได้อัดฉีด
อย่าแปลกใจเลยครับ ที่มวยไทยของ ONE จะมีคนติดตามเยอะ
เพราะชกสนุกทุกคู่
ในมุมของกีฬา “วัน แชมเปี้ยนชิพ” พิสูจน์แล้วว่า “เงินอัดฉีด” นั้นมีพลังมากแค่ไหน
และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้
ในมุมของธุรกิจ ตอนนี้ก็สิ้นปีแล้ว
ถึงเวลาที่เจ้าของและผู้บริหารจะใช้พลัง “เงินอัดฉีด” ทำงาน
“โบนัส” หรือ “การขึ้นเงินเดือน” คือ พลังทางบวกที่มีความหมายมาก
ถ้าใครใช้เป็นเหมือน “ชาตรี ศิษย์ยอดธง”
สร้าง “ต้นแบบ” ว่าทำงานแบบไหนจึงได้โปรโมต
องค์กรจะเคลื่อนไปด้วยพลังทางบวก
คนทำงานทุกคนสู้ยิบตา ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
แต่ถ้าสร้าง “ต้นแบบ” ไม่ดี
ให้ดูตัวอย่าง “มวยไทย” แบบเก่า ๆ ที่ไม่มีคนดู
2 ยกแรกดูเชิง
3-4 ชกจริง
ยก 5 ถ้าคะแนนนำก็วิ่งหนีไปรอบเวที
สร้าง “ต้นแบบ” แบบไหนก็ได้แบบนั้น
