“เศรษฐา” โชว์วิสัยทัศน์ประเทศ ตั้งเป้าที่ 1 ในภูมิภาค ฮับอุตสาหกรรมโลก

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

กว่า 5 เดือนเศษที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นมาบริหารประเทศ ต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ ปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด กระทบถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จึงเปิดตึกสันติไมตรี (หลังนอก) โชว์วิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกโดยมีคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชนร่วมในงานจำนวนมากเข้าร่วมฟัง

ศูนย์กลางการท่องเที่ยว

นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างที่พร้อมต่อยอด และที่สำคัญคือศักยภาพของคนไทย

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ที่ 1 ขอเชิญชวนให้ทุกคนเริ่มจุดพลังให้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เลี้ยงคนไทย 1 ใน 3 ของประเทศ

นำรายได้เข้าประเทศกว่า 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมโหฬารในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะการท่องเที่ยวคือจุดแข็งของประเทศไทย เรามีธรรมชาติ มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รอยยิ้ม เป็น Land of Smile ซึ่งเป็นเรื่องที่คนพูดกันมาอย่างยาวนาน ยกระดับเมืองรอง ประเทศไทยไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน เรายังมีหนองบัวลำภู มุกดาหาร ระนอง นครศรีธรรมราช และแต่ละจังหวัดมีจุดแข็งต่างกันไป ที่ต้องการการใส่ใจ ไม่ใช่แค่ใส่เงินอย่างเดียว

เรื่องการเฟ้นหาซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อเสน่ห์ของประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญ และนโยบายหลักของรัฐบาล เช่น มวยไทยอย่างประเทศอังกฤษที่มีค่ายมวยไทยกว่า 4,000 ค่าย มีครูมวยไทยที่ออกไปสร้างอาชีพ และนำเงินกลับมาได้มาก นอกจากนี้ กางเกงมวยไทยที่แฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลกนำไปใส่ ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

และรัฐบาลควรที่จะต้องสนับสนุนเชิญชวนให้ชาวโลกมาเที่ยวเมืองไทย โดยให้ทำความรู้จัก ซึ่งเราจะจัดงานศิลปวัฒนธรรม คอนเสิร์ตระดับโลกที่ผลักดันโดยรัฐบาล

ถ้าสามารถเอาศิลปินใหญ่ระดับโลกมาแสดงในประเทศไทยได้ จะสามารถดึงดูดให้คนเข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก และเราก็สามารถจัดกิจกรรมอื่นล้อไปกับคอนเสิร์ตได้ด้วย

นอกจากนี้ ควรแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เช่นเรื่องเปิด-ปิดสถานบริการ หรือเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้สอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป

ยกระดับโฮมสเตย์ให้โลก

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 2 ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล (Medical Hub) ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมที่สุดใน CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม จึงมีการคุยกันในอาเซียนให้ไทยเป็นเจ้าภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา ด้วยการยกระดับฟรีวีซ่า

และพร้อมที่จะเป็นโฮมสเตย์ให้กับชาวโลก เพราะเรามีศักยภาพสูง ขณะเดียวกัน ไทยก็เป็นเลิศทางการแพทย์ ใครจะคิดว่าอย่างเคนยา และซาอุดีอาระเบีย มีตลาด Wellness ที่อยากเข้ามาในประเทศไทย แต่ยังติดขัดบางเรื่อง เช่น ประกัน แต่รัฐบาลนี้จะผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้ ให้ไทยเป็น Wellness Center

นอกจากมาตรการที่จะสร้างรายได้แล้ว คนไทยก็ต้องมีระบบรักษาพยาบาลที่ดี ประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และสมศักดิ์ศรี ด้วย 30 บาทรักษาทุกที่ จะครบทุกจังหวัดในสิ้นปี เราจะใช้ระบบ AI เชื่อมฐานข้อมูล อัพเกรดระบบการแพทย์ เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลให้เพียงพอกับความต้องการ

ศูนย์กลางอาหาร

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 3 รัฐบาลจะยกระดับการผลิต อุตสาหกรรมการเกษตร ทำให้ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในกระเป๋าต้องมีเงิน ดูแลความมั่นคงทางอาหารของโลก พร้อมเป็นครัวของโลกที่สามารถปรุงอาหารทุกประเภทส่งออกไปยังตลาดโลก

รัฐบาลจะเข้ามายกระดับเกษตรกรรม ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากขึ้น 3 เท่าใน 4 ปีของรัฐบาลนี้ ดูแลทั้งดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ พันธุ์ปลา ให้อุดมสมบูรณ์ และแหล่งชลประทานจะต้องขยายให้ครอบคลุม 40 ล้านไร่ ดูแลการเพาะปลูก Precision Agriculture การเลี้ยงสัตว์ และดูแลปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ไปพร้อม ๆ กัน สนับสนุนสินค้าเกษตรทั้งประเทศไปสู่ตลาดโลก จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ไปเปิดร้านอาหารในต่างประเทศมากขึ้น

ศูนย์กลางการบินโลก

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกให้เชื่อมถึงกัน ด้วยจุดแข็งทางภูมิศาสตร์รายล้อมไปด้วยประชากรกว่า 280 ล้านคน ติดอันดับ 5 ของประชากรโลก และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว ทำงาน ในทุกระดับ ทุกราคาที่เลือกได้ รัฐบาลมีแผนจะพัฒนาสนามบินให้รองรับการ Transit ของสายการบิน และเตรียมปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตารางบินให้เหมาะสม เพื่อเพิ่ม Transit Capacity ให้สูงขึ้น เสริมคุณภาพการบริการทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมจะเป็น Homeland ของสายการบินทั้งไทยและสายการบินนานาชาติ เพียบพร้อมไปด้วยศูนย์ดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

แลนด์บริดจ์ลงทุนใหญ่รอบ 20 ปี

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) รัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก ตั้งแต่การปรับปรุงสนามบินทั้งระบบ ขยายถนนทั้งถนนหลัก ถนนรอง ซึ่งภายในปี 2593 จะต้องขยายทางหลวง Motorway 10 เท่า จากปัจจุบัน 250 กิโลเมตร ให้เป็นเกือบ 2,500 กิโลเมตร และทางหลวงแผ่นดิน 4 เลน จาก 20,000 กิโลเมตร ให้เป็น 23,000 กิโลเมตร เชื่อมต่อตั้งแต่ชายแดนภาคเหนือที่ติดกับเมียนมา สปป.ลาว เชื่อมต่อไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย

ส่วนระบบราง จะพัฒนารถไฟรางคู่ เพิ่มระยะทางอีก 2,000 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ระบบรางระหว่างเมืองมีระยะทางรวม 5,500 กิโลเมตร ภายในปี 2573 ในส่วนของระบบรถไฟฟ้าทั้งกรุงเทพฯ และภูมิภาค จะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร

มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสู่ 3 สนามบิน และจะเชื่อมไปยังชายแดนหนองคาย พร้อมทั้งเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง สำหรับส่งสินค้าจากอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมอาหาร เปิดตัวเป็นศูนย์กลางคมนาคมของอาเซียน เชื่อมจีน ยุโรป

และเป็นศูนย์กลางขนส่งผ่าน Land Bridge เชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรอันดามัน อ่าวไทย สร้างความสมดุลสู่ความมั่งคั่ง เป็นตัวกลางการค้าระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก ซึ่งการลงทุน Megaproject ในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนใหญ่ในรอบ 20 ปี

เตรียมดึง 2 ค่ายรถยุโรปลงทุนไทย

นายเศรษฐาฉาย วิสัยทัศน์ที่ 6 ว่า ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) ได้หารือพูดคุยกับบริษัทยานยนต์ไปมากกว่า 10 ราย และมีการตอบรับจะลงทุนในประเทศไทยแล้วมากกว่า 150,000 ล้านบาท ในวันนี้ที่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ประเทศไทยเราก็มีผลตอบรับที่ดี เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในทุก Supply Chain มีผู้ผลิตชิ้นส่วน วิศวกร และ Programmer ที่มีศักยภาพ

รัฐบาลจึงมีแผนจะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถ EV ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การค้นคว้าวิจัย การผลิตชิ้นส่วน ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ อะไหล่ การประกอบ การบำรุงรักษา ทำให้เกิดเป็น Ecosystem ที่สมบูรณ์ในประเทศ พร้อมทั้งจะให้การสนับสนุนค่ายรถจากญี่ปุ่น ที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างเช่น เครื่องยนต์ Hydrogen เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต ตนจะเดินทางไปยุโรปช่วงต้นเดือนมีนาคม จีบเครือโฟล์คสวาเกน และเครือสเตลแลนทิส มาลงทุนในประเทศไทยด้วย

ปั้นเจ้าสัวน้อย เทคสตาร์ตอัพ

นายเศรษฐากล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) รัฐบาลตั้งเป้าดึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต Digital for all Technology Innovation AI ให้มาขยายธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยี High Tech ต่าง ๆ ทั้งการลงทุนโรงงานผลิต Semiconductor วันที่ 14 มี.ค. นางจีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐอเมริกาจะบินมาเจรจาเรื่องนี้โดยเฉพาะ

การตั้งศูนย์ Data Center รองรับ Cloud Computing, การวิจัยและนำ AI มาใช้งานในประเทศไทย รวมถึงดึงบริษัท Deep Tech ให้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ผ่านโมเดล Sandbox ซึ่งรัฐบาลจะมีเงินสนับสนุนบริษัทที่ต้องการผ่านกองทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และจะทำ Matching Fund เติมทุนให้กับบริษัทที่มีศักยภาพด้วย ทำให้คนรุ่นใหม่ที่อยากจะร่วมงานกับบริษัทชั้นนำในระดับโลก ไม่ต้องย้ายไปอยู่ในต่างประเทศ และจะเป็นโอกาสให้คนไทยที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ Startup สามารถสร้าง Unicorn ของตนเองต่อไป

ดันศูนย์กลางการเงิน ปลดล็อก Digital Asset

และ วิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) รัฐบาลตั้งเป้าจะเปลี่ยนให้ไทยเป็น Financial Center of Southeast Asia ขับเคลื่อนโดยระบบการเงินที่แข็งแกร่ง ดึงสถาบันการเงินระดับโลกเข้ามาลงทุน สร้างย่านการเงิน Wall Street ของอาเซียนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และพัฒนา Infrastructure รองรับระบบการเงินแห่งอนาคต ขับเคลื่อนด้วย Blockchain ที่ไร้ตัวกลาง

และเตรียมปลดล็อก Digital Asset ต่าง ๆ ให้สามารถแปลงเป็นผลผลิตในโลกแห่งความเป็นจริง รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างสินทรัพย์ในโลกปัจจุบันให้มาอยู่บนโลกดิจิทัลได้อีกด้วย และรัฐบาลจะอัพเกรดระบบงานของรัฐทั้งหมดขึ้นระบบ Cloud เพื่อให้บริการประชาชนได้เร็วยิ่งขึ้น Digital Wallet เองก็จะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของรัฐนี้ ซึ่งอาจจะได้เห็น Startup ใหม่ ๆ เกิดขึ้นจากการใช้บริการจากภาครัฐ