ลูกค้า McDonald’s สั่งเฟรนช์ฟรายคู่กับเบอร์เกอร์น้อยลง เพราะกังวลเศรษฐกิจแย่

แมคโดนัลด์ McDonald’s
AFP/ Brendan SMIALOWSKI

ลูกค้าแมคโดนัลด์ (McDonald’s) สั่งเฟรนช์ฟรายคู่กับเบอร์เกอร์น้อยลง และรายการซื้อต่อบิลก็น้อยลง เนื่องจากผู้คนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะถดถอย จึงลดค่าใช้จ่ายลง 

ยอดขายสินค้าเป็นดัชนีชี้วัดสภาวะเศรษฐกิจอย่างง่าย การแถลงผลประกอบการของบางบริษัทโดยเฉพาะบริษัทที่ขายสินค้าจำเป็นอย่างอาหาร จึงเป็นภาพสะท้อนเศรษฐกิจได้อย่างคร่าว ๆ ด้วย

ล่าสุดสำนักข่าว Insider รายงานเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 ว่า ลูกค้าของแมคโดนัลด์ (McDonald’s) สั่งเฟรนช์ฟรายคู่กับเบอร์เกอร์น้อยลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ผู้คนจึงระมัดระวังในการใช้เงิน ลดค่าใช้จ่ายลง ลูกค้าแมคโดนัลด์จำนวนหนึ่งจึงซื้อเพียงเบอร์เกอร์ที่เป็นรายการหลัก 

ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้บริหารของแมคโดนัลด์ ในการประกาศผลประกอบการเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 

คริส เคมป์ชินสกี้ (Chris Kempczinski) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแมคโดนัลด์กล่าวกับนักลงทุนว่า แมคโดนัลด์เห็นว่าจำนวนหน่วยต่อการซื้อแต่ละครั้งลดลงเล็กน้อย การเพิ่มเฟรนช์ฟรายในรายการสั่งซื้อก็ลดน้อยลง ทำให้เห็นว่าตลาดส่วนใหญ่ทั่วโลกหดตัวลงเล็กน้อย และยังหดตัวลงต่อเนื่องอยู่ในตอนนี้ 

“แน่นอนว่าลูกค้ากำลังคิดมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินดอลลาร์หรือยูโรของพวกเขา” เคมป์ชินสกี้กล่าวเสริม 

เขากล่าวว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในยุโรป “ท้าทายมากกว่า” ในสหรัฐอเมริกา แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ดูดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีที่แล้ว) 

ข้อมูลเงินเฟ้อแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารและของทานเล่นในร้านอาหารประเภท limited-service restaurant (ร้านอาหารที่ลูกค้าต้องสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์และบริการตัวเองในบางส่วน) ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 7.9% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา 

แมคโดนัลด์บอกกับนักลงทุนตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว (ช่วงกันยายนถึงพฤศจิกายน) ว่า ลูกค้าบางรายโดยเฉพาะลูกค้าที่มีรายได้น้อยได้ลดการซื้อสินค้าที่นำเสนอเพิ่มเติม (ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย) และมีการสั่งอาหารชุดคอมโบน้อยลง 

อีกส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของแมคโดนัลด์ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมคือการจัดส่ง (delivery) แต่ซีอีโอแมคโดนัลด์มองว่า การเติบโตของบริการดีลิเวอรี่จะชะลอตัวลงแน่นอน การเติบโตจะยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับระดับที่เห็นก่อนหน้านี้ 

อย่างไรก็ตาม เอียน บอร์เดน (Ian Borden) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของแมคโดนัลด์กล่าวว่า ท้ายที่สุดแล้วแมคโดนัลด์คือผู้รับประโยชน์จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากลูกค้าที่มีความเครียดเรื่องรายได้และค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มที่จะหันมาหาแมคโดนัลด์ เพราะเป็นสินค้าที่ราคาต่ำ

แม้ว่าลูกค้าจะซื้อน้อยลง แต่ยอดขายของแมคโดนัลด์ในสหรัฐก็เพิ่มขึ้น 12.6% ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นทั้งราคาสินค้าและจำนวนลูกค้า ส่วนรายได้รวมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4% 

ซีอีโอแมคโดนัลด์กล่าวว่า ในแง่ของแนวโน้มธุรกิจ แมคโดนัลด์ยังคงมีความมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับ position ของแบรนด์ “ความต้องการของผู้บริโภคต่อแบรนด์ของเรายังคงแข็งแกร่ง”