การเยือนไทยของ รมต.พาณิชย์สหรัฐ

จีนา เอ็ม. เรมอนโด
จีนา เอ็ม. เรมอนโด
บทบรรณาธิการ

นางจีนา เอ็ม. เรมอนโด (H.E. Ms. Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา การมาของนางจีนา ครั้งนี้ ได้เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าไทย รวมไปถึงการพบกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ด้วย โดยการพบกับ นายกรัฐมนตรีไทย ได้มีการหารือความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐและความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก หรือ IPEF

ขณะที่การพบกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีการหารือถึงคำขอของฝ่ายไทย ไม่ว่าจะเป็นการขอให้สหรัฐพิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือ GSP ที่หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 รวมไปถึง การขอให้พิจารณาปรับสถานะของประเทศไทยออกจาก บัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) จากกรณีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้มาตรา 301 พิเศษที่ประเทศไทยติดอยู่มาอย่างยาวนาน

ทว่านอกเหนือไปจากกรอบการหารือระดับพหุภาคีอย่างกว้าง ๆ ในเรื่องของ IPEF กับข้อเสนอเดิม ๆ ทั้งในเรื่องของการได้รับสิทธิพิเศษทางอัตราภาษีศุลกากร GSP หรือการติดอยู่ในบัญชีประเทศที่ยังไม่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ อย่างเพียงพอ การมาเยือนไทยครั้งนี้ของนางจีนา ยังมีการพาสมาชิกของสภาผู้ส่งออกแห่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (The President’s Export Council : PEC) ภายใต้การนำของ Mark Ein ประธานสภา PEC เข้ามาแสวงหาความร่วมมือทางการค้าลงทุนด้วย

โดย สภา PEC สหรัฐ จะเป็นที่รวมของผู้บริหารธุรกิจชั้นนำของสหรัฐ ที่ได้รับการคัดเลือกโดยตรงจาก ประธานาธิบดีไบเดน ให้จัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการค้าและโอกาสทางธุรกิจกับประเทศในภูมิภาค รวมทั้งประเทศไทย ที่นักธุรกิจชั้นนำในกิจการต่าง ๆ ของสหรัฐที่ได้มาเยือน ซึ่งความสำคัญของการค้าระหว่างไทย-สหรัฐจะพบว่า สหรัฐเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 68,358.31 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกถึง 48,864.54 ล้านเหรียญ และยังเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 3 ของไทย คิดเป็นมูลค่า 19,493.77 ล้านเหรียญ

เป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในหัวข้อที่ นางจีนา และสภาผู้ส่งออก PEC หยิบยกขึ้นมาหารือกับฝ่ายไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ส.อ.ท. จะเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์และซัพพลายเชน ที่สหรัฐกำลังให้ความสำคัญเป็นพิเศษ จากแหล่งผลิตที่กระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ประเทศ จึงนับเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะไขว่คว้าการลงทุนในอุตสาหกรรมประเภทนี้ต่อยอดให้กับอุตสาหกรรม New S-Curve ต่อไป