ชานมไข่มุกส่อแววแข่งเดือด “เถ้าแก่น้อย” แย่งเค้ก 3 พันล้าน

ชานมไข่มุก 3 พันล้าน กลับมาคึกคักอีกรอบ The Alley ชี้ตลาดแข่งขันหนัก หน้าใหม่โดดร่วมวงเพียบ งัดไซซิ่ง-ลดราคา นำเข้าชานมไข่มุกกระป๋องจากไต้หวันหวังขยายฐาน “เถ้าแก่น้อย” โดดร่วมวง อิมพอร์ตแบรนด์ดังลงเซเว่นฯแย่งมาร์เก็ตแชร์

กลับมาคึกคักอีกครั้งสำหรับ “ชานมไข่มุก” จากที่เริ่มบูมในเมืองไทยเมื่อช่วงปี 2543 และได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปี 2558 และมีค่ายใหญ่อย่าง ปตท. ส่ง Pearly Tea เข้าร่วมวง จากนั้นกระแสก็เริ่มซาลงไป จนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ชานมไข่มุก” ได้กลับมาบูมใหม่ ทำให้มูลค่าตลาดรวมทะยานไปถึงราว ๆ 3 พันล้านบาท

นางสาวอุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์ชานมไข่มุก The Alley เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันการแข่งขันของตลาดชานมไข่มุกเมืองไทยมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากมีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายเดิมต่างเข็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมารุกตลาด

ปัจจุบันตลาดชาไข่มุกเมืองไทยแบ่งเป็น 3 เซ็กเมนต์หลัก มีจำนวนสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 700 สาขาในทุกแบรนด์ ได้แก่ ตลาดแมส ราคาต่ำกว่า 40 บาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ตลาดมีเดียม ราคา 40-75 บาท ขนาดใหญ่ที่สุดด้วยสัดส่วน 60% ขณะที่อีก 10% เป็นตลาดพรีเมี่ยม ราคามากกว่า 75 บาทขึ้นไป

“โควิด-19 ที่เกิดขึ้น และมาตรการล็อกดาวน์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กระแสชานมไข่มุกกลับมาบูมอีกระลอก ทำให้ลูกค้าไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ จึงเลือกสั่งซื้ออาหารเครื่องดื่มมารับประทานในบ้าน และชานมไข่มุกคือตัวเลือกลำดับแรก ๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึง ในอนาคตตลาดอาจจะไม่หวือหวานัก แต่มีความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากหลายแบรนด์เริ่มพัฒนาตัวเองไปสู่รูปแบบไลฟ์สไตล์ที่มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น จนชานมไข่มุกกลายเป็นสินค้าเครื่องดื่มทั่วไปในชีวิตประจำวัน everyday drink หรือ normal drink เช่นเดียวกับเครื่องดื่มอัดลม”

สำหรับแผนงานในปี 2564 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับแผนงานใหม่เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยเริ่มทำงาน (first jobber) และกลุ่มนักเรียน-นักศึกษามากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าของแบรนด์อยู่ในช่วงอายุวัยทำงานตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ด้วยการเพิ่มขนาดบรรจุภัณฑ์ไซซ์เล็ก ขนาด 12 ออนซ์ ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท จากเดิมที่มีขนาด 16 ออนซ์ ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท และจะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีกราว 10 สาขาในปีหน้า

เบื้องต้นจะเปิด 2-3 สาขา โดยปรับพื้นที่ให้เล็กลง 20-30 ตร.ม. เพื่อให้สามารถขยายสาขาได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เน้นพื้นที่ 60-100 ตร.ม.ขึ้นไป

พร้อมกันนี้ยังมีแผนนำเข้าสินค้าใหม่ ๆ อาทิ ชานมไข่มุก The Alley รูปแบบกระป๋องจากไต้หวันเข้ามาทำตลาดเพิ่ม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หลังจากในช่วงโควิด-19 ที่ได้มีการนำร่องจำหน่ายรูปแบบขวดและอินสแตนต์ (ผงพร้อมชง) บริเวณหน้าร้าน

“จากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะสร้างยอดขายในช่องทางดีลิเวอรี่ของบริษัทในบางสาขาเติบโตถึง 200% แต่ทว่าจำเป็นต้องมีการปรับแผนงานในบางส่วน โดยเฉพาะการสร้างการเข้าถึงของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม จากปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว บริษัทคาดการณ์ว่าในสิ้นปีนี้ยอดขายจะติดลบ 30% ซึ่งจากการปรับแผนงานในครั้งนี้มั่นใจว่าปี 2564 จะสามารถสร้างยอดขายเติบโต 50%”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เจ้าตลาดสาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” เป็นอีกค่ายหนึ่งที่กระโดดเข้ามาลุยตลาดชานมไข่มุก ด้วยการนำเข้าชานมแบรนด์ Just Drink จากไต้หวัน เป็นชานมขวดในรูปแบบพาสเจอไรซ์ รสชานมออริจินอล โดยนำร่องจำหน่ายในช่องทาง 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ราคา 35 บาทต่อขวด ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) มีแผนจะเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ (14 ธันวาคม)

ข้อมูลจาก Grab Food ระบุว่า คนไทยกินชานมไข่มุกมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฉลี่ย 6 แก้วต่อเดือน และผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์สัญชาติไทยอย่าง “Seoulcial Club” กับชานมซิกเนเจอร์สุดโด่งดัง “เสือพ่นไฟ”, แบรนด์ยอดนิยมอย่าง The Alley, Kamu Tea, Brown Cafe, KOI The’ เป็นต้น