การปรับตัวเพื่อธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า

business
คอลัมน์​ : Pawoot.com 
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

โลกของธุรกิจในอนาคต ผมเชื่อว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายที่ถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพราะฉะนั้น ผมจะมาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจใจอนาคตที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อให้ทุกคนได้มีการเตรียมตัวเพื่อปรับตัวธุรกิจของเราให้ทันต่อเทรนด์เหล่านี้ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสำเร็จและความยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาว

1.การเติบโตของเทคโนโลยี AI และอัตโนมัติ

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต การใช้ AI จะเข้ามามีส่วนร่วมกับการทำงานมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการให้บริการลูกค้า เพราะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ช่วยลดต้นทุน และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสินค้าและบริการที่จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เช่น Chatbot อัจฉริยะ เพื่อมาตอบคำถามลูกค้า แนะนำสินค้า และปิดการขายโดยอัตโนมัติ เช่น Chatfuel, HubSpot Chat เป็นต้น มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า เช่น Google Analytics, Adobe Analytics เป็นต้น

2.ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ภายใต้แรงกดดันจากผู้บริโภคและนโยบายรัฐบาล บริษัทต่าง ๆ จะต้องมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจ หากใครนำมาใช้และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการเหล่านี้จะได้รับความได้เปรียบในทางการตลาด เช่น การใช้วัสดุที่ยั่งยืน การลดการใช้พลังงาน หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ ธุรกิจควรพิจารณาใช้แนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งเน้นการลด การใช้ใหม่ และการกู้คืนทรัพยากร

เพื่อลดการสูญเสียทรัพยากรและกระตุ้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การตรวจสอบและรับรองความยั่งยืนเพื่อช่วยในการดำเนินงานตามมาตรฐาน เช่น B Corp, LEED เป็นต้น หรือจะเป็นการชดเชยคาร์บอนฟุตพรินต์ ช่วยให้ธุรกิจชดเชยคาร์บอนฟุตพรินต์โดยสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น Terrapass, Ecologi เป็นต้น

3.การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค

การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายและผู้บริโภคมีความตระหนักเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน ดังนั้น ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องปรับกลยุทธ์และการดำเนินงานเพื่อสอดคล้องกับเทรนด์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความโปร่งใสและการสื่อสารต่าง ๆ อย่างชัดเจนให้กับผู้บริโภค

เพราะผู้บริโภคจะคาดหวังมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องการทราบแหล่งที่มาของสินค้า ขั้นตอนกระบวนการผลิต การสื่อสารเหล่านี้จะต้องเป็นไปอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากลูกค้า

ผู้บริโภคจะมีความตระหนักในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้น ธุรกิจจึงต้องปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพดี แต่ยังไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือกระบวนการผลิตที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อเข้าใจความต้องการ พฤติกรรม และแรงจูงใจ เช่น Qualtrics, SurveyMonkey เป็นต้น หรือการให้บริการลูกค้าแบบ Omnichannel โดยให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ออนไลน์ ออฟไลน์ และบนโซเชียลมีเดีย เช่น Zendesk, Zoho Desk เป็นต้น

4.การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล และ e-Commerce

ธุรกิจที่เรากำลังเห็นในยุคปัจจุบัน และจะยังคงเป็นเช่นนั้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าการค้าขายออนไลน์จะเติบโตไม่หยุด นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มจำนวนการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นนวัตกรรม การปรับตัว และการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

การที่จะปรับตัวของธุรกิจสู่การค้าออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการปรับตัวของธุรกิจสู่โลกดิจิทัลไม่ใช่เพียงการย้ายช่องทางการขายจากออฟไลน์ไปออนไลน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาระบบให้สามารถสนับสนุนการทำงานที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสามารถให้บริการลูกค้าในแบบที่พวกเขาต้องการได้

สิ่งนี้หมายความว่า ระบบในเรื่องซอฟต์แวร์ e-Commerce ต้องเข้าถึงได้ง่าย ให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาแก่ลูกค้า และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัย เช่น บริการโฆษณาและการตลาดดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาบน Google Search และเครือข่ายพันธมิตรอื่น ๆ หรือเครื่องมือช่วยเหลือการชำระเงินช่วยให้ธุรกิจสามารถรับและส่งเงินได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสะดวกให้กับลูกค้า เช่น PayPal, Stripe เป็นต้น

5.การเปลี่ยนแปลงทางด้านการทำงานและองค์กร

การทำงานแบบ Remote หรือ Hybrid จะกลายเป็นสิ่งปกติมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้องค์กรต้องปรับโครงสร้างและวิธีการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ทั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างและวัฒนธรรมองค์กรโดยรวม สิ่งที่องค์กรต้องเผชิญ คือให้องค์กร Redesign พื้นที่ทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ ๆ สำนักงานไม่จำเป็นต้องหายไป แต่จะต้องกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการประชุม การทำงานร่วมกัน และการสร้างความสัมพันธ์ในทีม

สิ่งนี้อาจหมายถึงการลดขนาดพื้นที่สำนักงานและการสร้างสถานที่ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไป สุดท้ายนี้ พนักงานก็ควรจะต้องเน้นทักษะด้านความยืดหยุ่นและการเรียนรู้ตลอดชีวิตในอนาคต

เพราะสิ่งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน พนักงานจะต้องสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และวิธีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรก็ควรที่จะส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการพัฒนาทักษะจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้ เช่น มีการใช้บริการ Cloud Storage และ Collaboration เพื่อให้บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์และเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกัน มีการใช้เครื่องมือจัดการโปรเจ็กต์เพื่อช่วยให้การวางแผนและติดตามความคืบหน้าของงาน เช่น Trello, Asana เป็นต้น