อีวีเอแอร์ สั่งซื้อเครื่องบินใหม่ A350-A321neo รวม 33 ลำ

อีวีเอแอร์ (EVA Air)

“อีวีเอแอร์” สายการบินสัญชาติไต้หวัน สรุปคำสั่งซื้อเครื่องบินพิสัยไกล A350-1000 จำนวน 18 ลำ เครื่องบินทางเดินเดี่ยว A321neo 15 ลำกับแอร์บัส รองรับความต้องการในการบินในอนาคต

วันที่ 11 มกราคม 2567 นายเคลย์ ซัน (Clay Sun) ประธานสายการบินอีวีเอแอร์ (EVA Air) สายการบินสัญชาติไต้หวัน เปิดเผยว่า สายการบินได้สรุปคำสั่งซื้อเครื่องบินพิสัยไกล รุ่นเอ 350-1000 (A350-1000) จำนวน 18 ลำ และเครื่องบินทางเดินเดี่ยว รุ่นเอ 321 นีโอ (A321neo) จำนวน 15 ลำกับแอร์บัส

โดยคำสั่งซื้อดังกล่าวทำให้สายการบินอีวีเอแอร์เป็นสายการบินระดับโลกรายล่าสุดที่เลือกเครื่องบิน A350-1000 เพื่อรองรับความต้องการในการบินระยะทางไกลในอนาคต นอกจากนี้ เครื่องบิน A321neo จะนำประสิทธิภาพใหม่ที่ดีขึ้นมาสู่สายการบิน EVA Air ภายในเส้นทางระดับภูมิภาค

“เราได้เลือกเครื่องบินของแอร์บัสภายหลังการประเมินรุ่นต่าง ๆ ในแต่ละกลุ่มตลาดอย่างละเอียด เครื่องบินทั้ง 2 ขนาดที่เราได้เลือกเป็นประเภทที่ทันสมัยและประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด ซึ่งมอบความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารในระดับสูงสุด” นายเคลย์กล่าวและว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสายการบิน

ด้านนายเบอนัวต์ เดอ แซงเต็กซูเปรี (Benoît de Saint-Exupéry) รองประธานฝ่ายขายเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าวเสริมว่า คำสั่งซื้อนี้ถือเป็นก้าวใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างแอร์บัสกับ EVA Air และขอบคุณสายการบินอีวีเอแอร์ที่ให้ความเชื่อมั่นต่อแอร์บัส ภายในตลาดเครื่องบินพิสัยไกล เป็นการรับรองตอกย้ำว่า A350-1000 เป็นเครื่องบินที่สามารถปรับปรุงทดแทนเครื่องบินประเภทลำตัวกว้างขนาดใหญ่รุ่นเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย A350 กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านพิสัยบิน น้ำหนักบรรทุก ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ในทันที ซึ่งเครื่องบินตระกูล A350 ได้รับคำสั่งซื้อแล้วมากกว่า 1,000 ลำ จากลูกค้า 60 รายทั่วโลก โดยปัจจุบันมีเครื่องบินมากกว่า 570 ลำในฝูงบินของผู้ให้บริการ 39 ราย ซึ่งบินในเส้นทางระยะไกลเป็นหลัก

ส่วนเครื่องบินรุ่น A321neo เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบินในตระกูล A320neo ที่ผสานเทคโนโลยีล่าสุดจำนวนมาก ทั้งเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นใหม่และปลายปีกแบบชาร์กเลต (Sharklet) รวมถึงตัวช่วยที่เพิ่มประสิทธิภาพของห้องโดยสาร ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

ปัจจุบันในคำสั่งซื้อมากกว่า 5,600 รายการ จากลูกค้ามากกว่า 100 ราย นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2559 ทำให้เครื่องบินแอร์บัสรุ่น A321neo สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึงประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์