คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีนเชือดเอเวอร์แกรนด์และผู้ก่อตั้ง ตั้งข้อหาฉ้อโกง 2.8 ล้านล้านบาท หลังให้คำมั่นจะปราบปรามการฉ้อโกงหลักทรัพย์ และปกป้องนักลงทุนรายย่อย
วันที่ 19 มีนาคม 2024 มติชนรายงานว่า ทางการจีนได้กล่าวหา เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจนผิดนัดชำระหนี้ และนายฮุย กา ยัน (Hui Ka Yan) ในภาษากวางตุ้ง หรือนายสวี เจี่ยอิ้น (Xu Jiayin) ในภาษาจีนกลาง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ในข้อหาฉ้อโกงคิดเป็นมูลค่า 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.808 ล้านล้านบาท
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
หน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของจีนได้สั่งปรับธุรกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหิงต้า ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเอเวอร์แกรนด์ เป็นเงิน 583.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 21,000 ล้านบาท จากข้อกล่าวหาว่าได้มีการตกแต่งเพิ่มรายได้ของบริษัทขึ้น 78,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลา 2 ปีก่อนหน้าที่บริษัทจะเริ่มผิดนัดชำระหนี้
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (CSRC) ยังกล่าวโทษนายฮุย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของจีนว่า สั่งการให้มีการทำผลประกอบการของบริษัทเหิงต้าเกินจริงในปี 2019 และ 2020
นายฮุยถูกสั่งปรับเป็นเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 234 ล้านบาท จากการยื่นฟ้องของตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ และยังถูกสั่งแบบจากตลาดการเงินของจีนตลอดชีวิตอีกด้วย
เมื่อเดือนกันยายนปี 2023 นายฮุยในฐานะประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ยังอยู่ภายใต้การจับตามองของตำรวจ หลังจากที่เขาถูกสอบสวนในข้อหาต้องสงสัยว่าก่ออาชญากรรมที่ผิดกฎหมาย
การประกาศเอาผิดกับนายฮุยมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ CSRC ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามการฉ้อโกงหลักทรัพย์ และปกป้องนักลงทุนรายย่อยอย่างเต็มความสามารถ
เอเวอร์แกรนด์ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวิกฤตด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่มีหนี้พอกพูนมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหลังจากที่ถูกศาลฮ่องกงสั่งชำระบัญชีซึ่งเป็นคำสั่งที่นำไปสู่การเลิกกิจการแล้ว ก็มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้ตรวจสอบสถานะทางการเงินโดยรวมของบริษัท และจัดทำกลยุทธ์ปรับโครงสร้าง ซึ่งอาจรวมถึงการยึดและขายทรัพย์สินเพื่อนำเงินไปชำระหนี้คงค้าง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนอาจไม่เต็มใจที่จะเห็นการหยุดการพัฒนาภาคอสังหาฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจจีน ทำให้ปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในภาพรวมอย่างมาก ปัญหาในภาคส่วนอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มขึ้นหลังจากที่ทางการได้ออกมาตรการควบคุมจำนวนเงินที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สามารถกู้ยืมได้ในปี 2021 นับตั้งแต่นั้นมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายแห่งก็พากันผิดนัดชำระหนี้
จากข้อมูลตัวเลขทางการที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 9% ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่การก่อสร้างใหม่ลดลง 30% ซึ่งเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 1 ปีของจีน