
ปี 2023 เป็นปีที่เริ่มต้นอย่างยากลำบากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยปัจจัยลบหลายอย่างที่ยังคงอยู่ต่อเนื่องมาจากปี 2022 – สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังดำเนินอยู่ ค่าครองชีพยังแพง เงินเฟ้อยังสูง ดอกเบี้ยทำร้ายคนมีหนี้ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากที่ถดถอยลงในช่วงโควิด-19
แต่ขณะที่คนทั่วโลกกำลังพยายามเอาตัวรอดอย่างยากลำบาก ปี 2023 ก็ไม่ได้ปราณีใคร ซ้ำยังมีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นทุกเดือน เรียกว่ามีมรสุมซัดเข้ามาไม่ยั้ง เป็นอีกปีที่แสนสาหัสของคนทั่วโลก
“ประชาชาติธุรกิจ” สรุปข่าวใหญ่ในรอบปีที่ผ่านมา เป็นทั้งการบันทึกประวัติศาสตร์โลก และบันทึกว่าเราเจออะไรกันมาบ้าง
จีนเปิดประเทศอีกครั้ง ความหวังฟื้นเศรษฐกิจโลก
เริ่มต้นปี 2023 ด้วยการที่ประเทศจีนกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง ในวันที่ 8 มกราคม โดยอนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศได้ครั้งแรกนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด และเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น พร้อมกับผ่อนคลายมาตรการภายในประเทศ
ทันทีที่เปิดพรมแดน บรรยากาศพรมแดนจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกงสุดคึกคัก มีผู้เดินทางข้ามแดนจำนวนมาก และมีภาพความดีใจของผู้คนที่ได้พบเจอกับครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูง และคนรักอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันนาน 3 ปี
การกลับมาเปิดประเทศของจีนเป็นความหวังของเศรษฐกิจโลก แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 อีกครั้ง เนื่องจากการเปิดประเทศของจีนรวมถึงการผ่อนคลายมาตรการภายในประเทศเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเทศกาลชุนยุ่น (Chun Yun) หรือเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งการเดินทางกลับบ้าน และเดินทางท่องเที่ยว
แต่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ทั่วโลกได้เห็นกันแล้วว่าเศรษฐกิจจีนไม่ได้ฟื้นดังที่คาดหวัง และเศรษฐกิจทั่วโลกที่รอพึ่งพาจีนก็ผิดหวังกันไป
อ่านเพิ่มเติม
- เมื่อชาวจีนไม่ออกเที่ยว สะเทือนเศรษฐกิจทั่ว “อาเซียน”
- หลายตัวเลขบ่งชี้ เศรษฐกิจจีนอ่อนแรงกว่าที่คาด ฝากความหวังมากไม่ได้
- เศรษฐกิจโลกจ่อถดถอย เมื่อไร้ปาฏิหาริย์จากจีน
- เตือนภัย “เศรษฐกิจจีน” กำลังเดินตามรอยญี่ปุ่น
- ไม่มีสัญญาณตอบรับจากประเทศจีนที่ไทยเรียก
แผ่นดินไหวตุรกีคร่ากว่า 40,000 ชีวิต
เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ได้ไม่กี่วัน เค้าล้าง “ปีแห่งหายนะ” ก็เริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.9 แมกนิจูดทางตอนใต้ของประเทศตุรกี เกิดแรงสั่นสะเทือนไปถึงประเทศใกล้เคียง ทั้งไซปรัส เลบานอน และซีเรีย สร้างความเสียหายและสูญเสียรุนแรง
ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ประสบเหตุดำเนินไปเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ จนกระทั่งปฏิบัติการณ์ส่วนใหญ่สิ้นสุดลงในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2023 สรุปยอดผู้เสียชีวิตในตุรกี 40,624 ราย ในซีเรีย 5,800 ราย รวมเป็น 46,424 ราย ส่วนจำนวนผู้ได้รับผลกระทบและกำลังต้องการความช่วยเหลือ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่ามีจำนวน 26 ล้านคน
ทั้งนี้ การเกิดเหตุแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องแปลกในตุรกี เนื่องจากพื้นที่ของประเทศตุรกีตั้งคร่อมอยู่บนแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง แต่เหตุปัจจัยที่เสริมให้แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายรุนแรงมากคือ ก่อสร้างอาคารใหม่ส่วนใหญ่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารที่ตุรกีปรับให้เข้มงวดขึ้นหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองอิซมิตเมื่อปี 1999
อ่านเพิ่มเติม :
- ตุรกีแผ่นดินไหว 7.9 แมกนิจูด สะเทือนหลายประเทศ เสียชีวิตแล้ว 64 ราย
- ปราสาทกาซีอันเตป มรดกโรมันอายุ 2 พันปี พังทลายลงเพราะแผ่นดินไหว
- แผ่นดินไหวตุรกี ยุติการค้นหา สรุปยอดเสียชีวิต 46,424 ราย
- อัพเดตแผ่นดินไหวตุรกี นี่คือ 10 ประเด็นที่เรารู้เกี่ยวกับเหตุภัยพิบัตินี้
การดำรงตำแหน่ง “ประธานาธิบดีจีน” สมัย 3 ของ สี จิ้นผิง พร้อมการเปลี่ยนนายกฯ
ต้นเดือนมีนาคม 2023 โลกจับจ้องไปที่ประเทศจีนซึ่งมีการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress : NPC) และสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (Chinese People’s Political Consultative Conference : CPPCC) ที่เรียกว่าการประชุมสองสภาประจำปี 2023 ของจีน โดยการประชุม CPPCC เริ่มต้นก่อนในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม ส่วน NPC เริ่มประชุมตามมาในวันที่ 5 มีนาคม แล้วประชุมคู่ขนานกันเป็นเวลาราว 1 สัปดาห์
การประชุมสภาของจีนถูกจับตามองจากทั่วโลก เพราะมีการแต่งตั้ง-โยกย้าย การรับตำแหน่งและการลงจากตำแหน่งของบุคคลในตำแหน่งสำคัญ ๆ มีการประกาศนโยบายและแผนบริหารประเทศในด้านต่าง ๆ รวมถึงนโยบายต่างประเทศ
พิธีการที่สำคัญที่สุดในงานคือ การเสนอชื่อและลงมติรับรองจากสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress : NPC) ให้ สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 2 สมัย ยังคงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีกเป็นสมัยที่ 3 โดยไม่มีผู้ท้าชิง ซึ่งทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนนับตั้งแต่เหมา เจ๋อตุง (Mao Zedong)
รองลงมาคือ การสนอชื่อและลงมติรับรอง หลี่ เฉียง (Li Qiang) ลูกน้องคนสนิทของสี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจีน ต่อจาก หลี่ เค่อเฉียง (Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งครบสองวาระแล้ว
อ่านเพิ่มเติม :
- ชวนรู้จัก NPC – CPPCC “สองสภา” ของจีน กับวาระสำคัญในการประชุมปีนี้
- สรุปเรื่องเด่นประชุมสภาจีน ปฏิรูปวิทย์-การเงิน เพิ่มงบกลาโหม เตือนสหรัฐอย่าข้ามเส้น
- สี จิ้นผิง ผ่านการรับรองจากสภา เป็น “ประธานาธิบดีสมัยที่ 3” อย่างเป็นทางการ
- หลี่ เฉียง คนสนิทสี จิ้นผิง ได้รับการรับรองจากสภาฯ เป็นนายกรัฐมนตรีจีนแล้ว
- ประวัติ หลี่ เฉียง นายกฯคนใหม่ของจีน ชายจากเจ้อเจียง ลูกน้องผู้ภักดีที่ได้เป็นมือขวา สี จิ้นผิง
- อัพเดตการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญของจีน ใครเป็นใครในทีมงาน สี จิ้นผิง สมัย 3
ธนาคารสหรัฐล่ม สร้างความว้าวุ่นทั่วโลก
ในเดือนที่สามของปี ไม่มีวงการไหนว้าวุ่นไปกว่าวงการการเงินการธนาคาร หลังจากที่ “ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์” (Silicon Valley Bank : SVB) ธนาคารในสหรัฐประกาศในวันที่ 8 มีนาคม 2023 ว่า ได้ขายหลักทรัพย์จำนวนมากและส่งผลให้เกิดการขาดทุน และจะขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่มูลค่า 2,250 ล้านดอลลาร์เพื่อเสริมงบดุล
ประกาศดังกล่าวก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่บริษัทร่วมทุนที่เป็นลูกค้า (ผู้ฝากเงิน) หลักของธนาคาร ทำให้เกิด bank run หรือการแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร ส่งผลให้หุ้นของ SVB ร่วงลงอย่างรวดเร็วและฉุดหุ้นธนาคารอื่น ๆ ทั่วโลกร่วงลงไปด้วย ในเช้าวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม หุ้นของ SBV ถูกระงับการซื้อขายและล้มเลิกความพยายามในการเพิ่มทุนอย่างรวดเร็ว
ต่อมาในวันที่ 17 มีนาคมมีรายงานข่าวว่า เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) บริษัทแม่ของ SVB ได้ยื่นขอปรับโครงสร้างองค์กรและฟื้นฟูกิจการภายใต้การกำกับดูแลของศาลล้มละลาย ตามบทบัญญัติส่วนที่ 11 แห่งกฎหมายล้มละลาย
วิกฤตสภาพคล่องของ SVB ทำให้เกิดความกังวลว้าวุ่นว่าจะเกิดการลุกลามเป็นโรคระบาดทางการเงินระดับโลกหรือไม่ และความกังวลก็เพิ่มขึ้นอีกเมื่อมีธนาคารอีก 3 แห่งประสบปัญหาสภาพคล่องภายในเดือนเดียวกัน คือ ซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) และเฟิสต์ รีพับลิก (First Republic) ในสหรัฐ และเครดิตสวิส (Credirt Suisse) ธนาคารยักษ์ในสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน การธนาคารส่วนใหญ่ไม่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารเหล่านี้จะลุกลามเป็นวิกฤตระดับโลก ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยมา และโลกเราก็เลี่ยงวิกฤตทางการเงินที่กังวลกันมาได้จริง ๆ
อ่านเพิ่มเติม :
- ธนาคาร SVB สหรัฐล้มละลาย หวั่นโดมิโน “ดร.พิพัฒน์” KKP วิเคราะห์ผลกระทบ
- เฟดกู้วิกฤต SVB ประกาศอุ้มเงินฝากประชาชน 100% หวังหยุดโดมิโนแบงก์
- กูรูการเงิน วิเคราะห์ ทำไม ธนาคาร Silicon Valley Bank ถึงล้ม ?
- ธนาคารเครดิตสวิสหุ้นดิ่ง all-time low นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ผลกระทบระดับโลก
- เครดิตสวิส กู้ 50,000 ล้านฟรังก์ ธนาคารกลางพร้อมอุ้มกันวิกฤตลาม
- บริษัทแม่ SVB ยื่นศาลล้มละลาย ขอปรับโครงสร้าง-ฟื้นฟูกิจการ
- UBS ซื้อเครดิตสวิส ราคา 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการสนับสนุนของรัฐ
- “วิกฤตธนาคาร” ไม่จบง่าย ๆ ยังเสี่ยงลามสู่วิกฤตโลก
- ธนาคารสหรัฐยังวุ่น คนยังแห่ถอนเงิน แบงก์ขอรัฐคุ้มครองเงินฝากทั้งหมด แต่สภาคงไม่อนุมัติ
ฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกนาโต้ ยั่วโมโหรัสเซียยิ่งขึ้นอีกขึ้น
ท่ามกลางการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ดำเนินมาเกิน 1 ปี ฟินแลดน์เป็นหนึ่งประเทศที่ต้อง “ผวา” มากที่สุด เพราะมีพรมแดนติดกับรัสเซียยาวมากถึง 1,300 กิโลเมตร
จนกระทั่งวันที่ 4 เมษายน 2023 ฟินแลนด์จึงอุ่นใจได้มากขึ้นเมื่อได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization: NATO) หรือนาโต้อย่างเป็นทางการ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีภาคยานุวัติ (accession) ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต้ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม หลังจากที่ได้รับการรับรองคำขอจากสมาชิกนาโต้ครบทุกประเทศก่อนหน้านั้นไม่นาน
การเข้าเป็นสมาชิกนาโต้เป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศฟินแลนด์ สิ้นสุด “ความเป็นกลาง-ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทางการทหาร” ที่ฟินแลนด์ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้ การที่ฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกนาโต้เป็นการเพิ่มความยาวของพรมแดนระหว่างนาโต้กับรัสเซียเป็นสองเท่า และถือเป็นการเสริมแนวรบด้านตะวันออกของนาโต้ ซึ่งมูฟเมนต์นี้ของฟินแลนด์และนาโต้ทำให้รัสเซียไม่พอใจอย่างมาก
ส่วนสวีเดนซึ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโต้พร้อมกันกับฟินแลนด์ยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิก เพราะมีชาติสมาชิกสองประเทศที่ยังไม่ให้การรับรองคำขอเข้าเป็นสมาชิกก็คือ ตุรกี และฮังการี จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตุรกียอมเปิดทางให้สวีเดนแล้ว เหลือเพียงฮังการีประเทศเดียวที่สวีเดนต้องเจรจาให้สำเร็จ
อ่านเพิ่มเติม :
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกคิงชาร์ลส์ที่ 3 งานมงคลราชวงศ์อังกฤษ
อีเวนต์ใหญ่ที่สุดที่โลกจับตามองในปี 2023 นี้ คือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งพระราชพิธีและงานเฉลิมฉลองเกิดขึ้นในช่วงเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคมถึงวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งมีกิจกรรมเฉลิมฉลองเกิดขึ้นทั่วสหราชอาณาจักร โดยส่วนสำคัญที่เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันเป็นการเปลี่ยนสถานะเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม
แม้ว่าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้จะปรับลดรายละเอียดต่าง ๆ ลงจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 1953 คงเหลือไว้แต่ส่วนที่สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงแขกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานก็ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 4 คือจาก 8,000 คน เหลือประมาณ 2,000 คน แต่ภาพพระราชพิธีที่ปรากฏก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ หาชมได้ยาก ควรค่าแก่การเฝ้าชมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง


อ่านเพิ่มเติม :
- รวมเรื่องน่ารู้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกคิงชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ
- สรุปขั้นตอนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์อังกฤษ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
- บันทึกประวัติศาสตร์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์อังกฤษ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
- “สมาชิกราชวงศ์ที่ทรงงาน” ภาพราชวงศ์อังกฤษยุคคิงชาร์ลส์ที่ 3 มีนัยสำคัญอย่างไร ใครเป็นใครบ้าง
เรือดำน้ำเที่ยวชมซากเรือไททานิกระเบิดใต้ท้องทะเลลึก
ประวัติศาสตร์ของเรือไททานิกอันโด่งดังมีกการบันทึกบทใหม่เพิ่มเติมในปี 2023 นี้ เมื่อเรือดำน้ำขนาดเล็กนามว่า “ไททัน” (Titan) ที่พานักท่องเที่ยวลงสำรวจซากเรือไททานิกสูญหายไปในมหาสมุทรแอนแลนติก ขาดการติดต่อตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน
มีกการระดมสรรพกำลังระดับนานาชาติปฏิบัติการตามหา แต่ในที่สุด ช่วงบ่ายวันที่ 22 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเช้ามืดวันที่ 23 มิถุนายน ตามเวลาประเทศไทย พลเรือตรีจอห์น มอเกอร์ (John Mauger) จากหน่วยยามฝั่งสหรัฐแถลงว่า หลังจากผู้เชี่ยวชาญประเมินข้อมูลแล้ว ได้ข้อสรุปว่า เรือดำน้ำไททันระเบิด
ผู้โดยสารบนเรือ 5 รายเสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย ฮามิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ชาห์ซาดา ดาวูด (Shahzada Dawood) นักธุรกิจชาวปากีสถาน และ ซูเลมาน ดาวูด (Suleman Dawood) ลูกชายของเขา สต็อกตัน รัช (Stockton Rush) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง โอเชียนเกต (OceanGate) บริษัทให้บริการเรือดำน้ำพาชมซากเรือไททานิก (เจ้าของเรือดำน้ำไททัน) และพอล-อองรี นาร์โกเล็ต (Paul-Henri Nargeolet) นักสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านเรือไททานิก ซึ่งเคยให้บริการนำชมซากเรือไททานิกแล้วหลายสิบครั้ง
อ่านเพิ่มเติม :
- เรือดำน้ำพานักท่องเที่ยวสำรวจซากเรือไททานิกสูญหาย อยู่ระหว่างการค้นหา
- อัพเดตเรือดําน้ำพาชมไททานิกหาย ทราบชื่อนักท่องเที่ยว เป็นเศรษฐีอังกฤษ-ปากีฯ
- ยืนยันแล้ว เรือดำน้ำไททันระเบิดใกล้ซากเรือไททานิก ผู้โดยสารทุกคนเสียชีวิต
- กู้ซากเรือดำน้ำไททันขึ้นบกแล้ว เจ้าหน้าที่เผยพบชิ้นส่วนมนุษย์
สื่อนอกมองเลือกตั้งไทย ทำไมเสียงข้างมากไม่ได้เป็นรัฐบาล
จากก่อนเลือกตั้งมาจนถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเวลาหลายเดือนที่สื่อต่างประเทศ รวมทั้งสื่อดังในระดับแถวหน้าของโลก อย่าง รอยเตอร์ (Reuters) เดอะ นิวยอร์กไทม์ส (The New York Times) เดอะ การ์เดียน (The Guardian) นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยกันอย่างต่อเนื่อง และบางสำนักติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม ในภาพรวมสื่อต่างชาติมีการรายงานข่าวการโหวตนายกของไทยตั้งแต่คืนวันที่ 12 กรกฎาคม หรือเช้าวันที่ 13 กรกฎาคม โดยสื่อทุกสำนักมีการอธิบายแบ็กกราวนด์ให้ผู้อ่านทราบว่า เหตุใดการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งและสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้ถึง 313 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาจึงเป็นไปได้ยาก และเมื่อทราบผลการลงมติแล้ว สื่อต่างประเทศก็มีการรายงานผลพร้อมอธิบายแบ็กกราวนด์อีกครั้ง
อ่านเพิ่มเติม :
รัสเซียไม่ต่ออายุเกรนดีล ทะเลดำเดือดไม่พัก
รัสเซียกับยูเครนรบกันไม่พักตลอดทั้งปี แต่นับจากกลางปี 2022 มาถึงกลางปี 2023 ยังมีข้อตกลงเปิดทางทะเลดำเพื่อให้ขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนได้อย่างปลอดภัย (Black Sea Grain Initiatives) ที่ช่วยให้สถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารของโลกไม่เลวร้ายลงมากจนเกินไป
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2023 ในการเจรจาต่ออายุข้อตกลงซึ่งสิ้นสุดลงในวันนั้น รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลง โดยให้เหตุผลว่า ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ต่อการขนส่งธัญพืชของยูเครนเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่การขนส่งธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียมีข้อจำกัด พร้อมยื่นข้อเสนอว่า หากความต้องการของรัสเซียได้รับการตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะยอมเจรจาต่ออายุข้อตกลงนี้อีกครั้ง
จากนั้น ในคืนวันที่ 18 กรกฎาคม รัสเซียโจมตีท่าเรือโอเดสซา (Odessa) ซึ่งเป็นท่าเรือหลักในการส่งออกธัญพืชของยูเครน โดยรัสเซียกล่าวว่าเป็นการตอบโต้เหตุระเบิดบนสะพานเชื่อมรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมีย เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งรัฐบาลรัสเซียกล่าวว่าเป็นฝีมือยูเครน
อ่านเพิ่มเติม :
- รัสเซียไม่ต่อดีลเปิดทางเรือธัญพืชยูเครน โลกเตรียมรับแรงกระแทก ราคาอาหารพุ่ง
- รัสเซียถล่มท่าเรือยูเครน หลังล้มดีลเปิดทางขนส่งธัญพืช
ไฟป่าฮาวาย หนักสุดในรอบ 105 ปีของสหรัฐ
วันที่ 8 สิงหาคม 2023 เกิดเหตุไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็วบนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้มีผูเสียชีวิตมากกว่า 100 ราย เป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดของสหรัฐอเมริกาในรอบกว่า 105 ปี นับตั้งแต่เหตุไฟป่าที่รัฐมินนิโซตาและวิสคอนซิน เมื่อปี 1918 (พ.ศ. 2461) ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 453 ราย
สมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association) คาดการณ์มูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ไว้ราว 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.1 แสนล้านบาท โดยมีสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 2,200 หลัง ทางตะวันตกของเกาะถูกทำลาย บนพื้นที่ราว 8.8 ตารางกิโลเมตรที่ไฟป่าลุกลามเผาวอด

อ่านเพิ่มเติม :
ญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้วลงสู่มหาสมุทร
ในวันที่ 24 สิงหาคม 2023 บริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ (Tokyo Electric Power Company) ซึ่งบริหารโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ (Fukushima Daiichi) ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
แม้ว่าก่อนหน้านั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้ ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบจากน้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี รวมถึงกลุ่มผู้ทำประมงในญี่ปุ่นเองก็กังวลว่าการปล่อยน้ำจะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของพื้นที่และเกิดภัยคุกคามต่อการดำรงชีวิตของพวกเขา แต่ความกังวลจากหลายภาคส่วนก็ไม่เปลี่ยนมติที่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติเมื่อสองปีที่แล้ว
ทางการญี่ปุ่นยืนยันว่าการปล่อยน้ำตามแผนนี้มีความปลอดภัย โดยน้ำถูกกรองเพื่อกำจัดธาตุกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ ยกเว้นทริเทียม ซึ่งเป็นไอโซโทปของไฮโดรเจนที่แยกออกจากน้ำได้ยาก น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วจะถูกเจือจางให้ต่ำกว่าระดับไอโซโทปที่ได้รับการอนุมัติในระดับสากลก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ด้านสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) ก็ได้อนุมัติแผนการปล่อยน้ำของญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า แผนการปล่อยน้ำดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานสากล และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมนั้น “น้อยมาก”
อ่านเพิ่มเติม :
- ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลงมหาสมุทร 24 ส.ค.นี้ ไม่สนคำทัดทานเพื่อนบ้าน
- อาหารทะเลญี่ปุ่นระส่ำ ส่งออกแสนล้านหายเกือบครึ่ง หลังจีน-ฮ่องกงแบนจากเหตุปล่อยน้ำ
บริษัทอสังหาฯจีนผิดนัดชำระหนี้-ล้มละลาย
ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจจีน เผชิญวิกฤตหนี้มานานกว่า 3 ปี ยังไม่ดีขึ้นในปี 2023 นี้ แถมมีบริษัทที่ล้มหหายตายจากไปอีกจำนวนมาก
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจีนประสบปัญหาทางการเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงบริษัทระดับหัวแถวอย่าง “คันทรี่ การ์เดน” (Country Garden) ที่ถูกจับตามองมาหลายเดือนว่าจะผิดนัดชำระหนี้ และในที่สุดก็ผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ) ครั้งแรกจากการที่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 15.4 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม หลังได้รับการผ่อนผันมาเป็นเวลา 1 เดือน
จากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) อัพเดตถึงวันที่ 1 กันยายน 2023 พบว่า ในบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนในประเทศจีนที่ออกหุ้นกู้ต่างประเทศสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐสูงสุด 50 อันดับแรก มี 34 ราย (คิดเป็น 68%) ที่ประสบปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศไปแล้ว
นักวิเคราะห์ต่างมองตรงกันว่า การผิดนัดชำระหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีแนวโน้ม “จะเกิดมากขึ้น” เนื่องจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาทางการเงินยังคงต้องดิ้นรนกับแนวโน้มยอดขายที่อ่อนแอ ขณะที่การระดมทุนเพิ่มเติมยังคงมีความท้าทาย จึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีการผิดนัดชำระหนี้และล้มละลายเพิ่มขึ้นอีก
อ่านเพิ่มเติม :
- จับตาอสังหาฯจีน หลัง “คันทรี่ การ์เดน” ผิดนัดชำระหนี้ โดมิโนอีกหลายตัวรอล้ม
- วิกฤตอสังหาจีน คันทรี่การ์เดนเผยเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้-ล้มละลาย
- Sunac บริษัทอสังหาฯระดับท็อปของจีนยื่นล้มละลายในสหรัฐอีกราย
- วิกฤตอสังหาฯในจีน อาจลุกลามถึง “มาเลเซีย”
- เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจจีน จากวิกฤตอสังหาฯ สู่ปัญหาเศรษฐกิจ
- บริษัทอสังหาฯจีนผิดนัดชำระหนี้ไปแล้วกว่า 68% ส่วนที่เหลือ 32% เสี่ยงจะไม่รอด
- วิกฤตอสังหาฯจีน : ถ้า Country Garden ผิดนัดชำระหนี้ ผลกระทบจะรุนแรงแค่ไหน ?
- เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์อสังหาฯจีน ยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายในสหรัฐ
- อสังหาฯจีนจมวิกฤตอีกนาน ปรับทิศเศรษฐกิจพึ่งอุตฯใหม่
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ความเสี่ยงใหม่ของโลก
สงครามระลอกใหม่ในมหากาพย์ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์เริ่มขึ้น เมื่อกองกำลังติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ “ฮามาส” (Hamas) ยิงจรวดออกจากพื้นที่ฉนวนกาซามุ่งไปโจมตีเมืองในภาคใต้ของประเทศอิสราเอล ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2023 เป็นเหตุให้ฝั่งอิสราเอลที่มีกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์แข็งแกร่งกว่าตอบโต้ทันควัน
แม้ว่านานาประเทศจะพยายามช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง แต่ก็มีการหยุดยิงเพียงชั่วคราวเท่านั้น และถึงตอนนี้ สงครามยังคงดำเนินอยู่กำลังจะครบ 3 เดือน สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนในฉนวนกาซาจำนวนมาก โดยใน 1 เดือนแรกมีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาทะลุ 10,000 ราย ส่วนฝั่งอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นการเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งแรกประมาณ 1,300 ราย
ล่าสุด ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2023 มีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอย่างน้อย 21,100 ราย
อ่านเพิ่มเติม :
- อิสราเอลประกาศภาวะสงคราม หลังกลุ่ม “ฮามาส” ในกาซายิงจรวด 5,000 ลูกถล่ม
- เหตุผลที่ “ฮามาส” เลือกโจมตี “อิสราเอล” ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023
- สงครามอิสราเอลเพิ่มความเสี่ยง ดึง “เศรษฐกิจโลก” ถอยหลังหนึ่งก้าว
- ดูคำกล่าว ปธน.ปาเลสไตน์ มีท่าที-ความเห็นอย่างไรต่อสงครามอิสราเอล-ฮามาส
- อิสราเอล VS ฮามาส : อัพเดตสถานการณ์ล่าสุด (ถึง 20 ตุลาคม 2023)
- สงครามอิสราเอล VS ฮามาส : อัพเดตเหตุการณ์สำคัญล่าสุด (ถึง 27 ตุลาคม 2023)
- สงครามอิสราเอล VS ฮามาส : สรุปเหตุการณ์สำคัญล่าสุด (ถึง 6 พฤศจิกายน 2023)
- สรุปตัวเลขความสูญเสีย 1 เดือนสงครามอิสราเอล-ฮามาส
สี จิ้นผิง พบโจ ไบเดน ซ่อมแซมความสัมพันธ์ ?
หลังความพยายามเป็นเวลา 1 ปีเต็มของรัฐบาลสหรัฐในการเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเข้าร่วมประชุมเอเปค 2023 ที่สหรัฐอเมริกา และพบปะหารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐ เพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียดขึ้น
ในที่สุด ผู้นำของสองประเทศมหาอำนาจโลกก็เจอกันในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2023 ณ บ้านฟิโอลี (Filoli) ในเมืองวูดไซด์ ห่างจากซานฟรานซิสโกไปทางทิศใต้ประมาณ 25 ไมล์

การประชุมหารือระหว่างผู้นำทั้งสองกินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง ครอบคลุมหลายเรื่องที่แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญ อย่างเช่น ความร่วมมือการต่อสู้กับยาเฟนทานิล การอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ และการฟื้นฟูการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการทหารโดยตรงระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ
อ่านเพิ่มเติม :
- จับตา “สี จิ้นผิง” พบ “ไบเดน” 1 ปีที่สหรัฐรอคอย กับหลายสิ่งที่สองชาติคาดหวัง
- เปิดข้อตกลง สี จิ้นผิง-โจ ไบเดน หลังประชุมซ่อมแซมความสัมพันธ์ 4 ชั่วโมง
COP28 ก้าวหน้า เรียกร้อง “เปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล”
สมัชชาภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 28 หรือ COP28 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ปิดฉากด้วยการที่รัฐภาคีเห็นพ้องกันเรียกร้องให้ “เปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบพลังงาน ในลักษณะที่ยุติธรรม เป็นระเบียบเรียบร้อย และเท่าเทียมกัน … เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามหลักวิทยาศาสตร์”
ข้อตกลงนี้ถือว่าเป็นความก้าวหน้า แต่เนื้อหาของข้อตกลงยัง “อ่อน” กว่าที่หลายประเทศและนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมคาดหวัง
มีภาคีกว่า 100 ประเทศทั่วโลกที่พยายามกดดันให้ใช้ภาษารุนแรงในข้อตกลง COP28 โดยเรียกร้องให้ “ยุติ” การใช้น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน แต่ถูกต่อต้านอย่างแข็งขันจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC) ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแย้งว่าโลกสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยไม่ต้องเลี่ยงการใช้งานเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง

การต่อสู้ของสองฝั่งที่เห็นต่าง ทำให้การประชุมสุดยอด COP28 ที่จะต้องจบลงในวันอังคารที่ 12 ธันวาคม ต้องประชุมล่วงเวลามาจนถึงวันพุธที่ 13 ธันวาคม และทำให้ผู้สังเกตการณ์บางคนกังวลว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลงด้วยทางตัน แต่ในที่สุดที่ประชุมก็หาทางออกได้ด้วยข้อตกลงที่เป็นระดับ “กลาง ๆ” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
อ่านเพิ่มเติม :